'รองเอนก'ยันคุ้ยลึกคดี"หมอบี-วัดพระบาทน้ำพุ"เปิดปมเงินบุญผิดวัตถุประสงค์ลุยตรวจเส้นทางการเงิน-ที่ดิน
วันที่ 11 ส.ค.68 พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผบก.ป.เปิดเผยความคืบหน้าภายหลังประชุมคดี หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ และวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี กรณีการเปิดรับบริจาคเงินวัด ว่า วันนี้เป็นการประชุมวางกรอบการทำงาน และมอบหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินการ
สำหรับความเกี่ยวข้องหมอบีและวัดพระบาทน้ำพุ ตอนนี้ ได้ปรากฏข้อเท็จจริง และแตกขยายเพิ่มมากขึ้น ในเรื่องของทรัพย์สินต่างๆ โดยในที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่าเราไม่ได้รอในส่วนที่ทางวัดหรือหลวงพ่ออลงกตมาแจ้งความ เนื่องจากเราเห็นถึงความสำคัญที่ประชาชนบริจาคเงินแต่วัดนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ โดยจากแนวทางเบื้องต้น เราเห็นพฤติกรรมบางอย่าง ลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความผิดอาญาแผ่นดิน ที่กองปราบสามารถตรวจสอบได้ และกล่าวโทษดำเนินคดี
ส่วนกรณีที่หมอบีเข้าพบพนักงานสอบสวนตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเข้ามาให้ข้อมูลครั้งแรกไปแล้วนั้นขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบอยู่ ขอเวลาอีกเล็กน้อย และล่าสุดที่หมอบีมาที่กองปราบในวันนี้ เนื่องจากมาพบเจ้าหน้าที่ฝ่ายสอบสวน โดยเป็นการนำข้อมูลมาให้เพิ่มเติม
เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ 'หมอบี' ให้ข้อมูลเป็นประโยชน์หรือไม่นั้น พ.ต.อ.เอนก บอกว่า เรารับฟัง ข้อมูลทุกส่วน การที่หมอบีให้ข้อมูลและถ้อยคำต่างๆนั้น เรารับฟังแต่จะเชื่อหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการพิสูจน์ทราบ ตอนนี้เราได้รับข้อมูลเรื่องเส้นทางการเงินของหมอบีจากธนาคารแล้ว และหากหลังจากนี้สงสัยเรื่องใด เราจะขอข้อมูลเจ้าหน้าที่ธนาคารเพิ่มเติม ส่วนหลักฐานเบื้องต้นตอนนี้ สามารถเอาผิดอะไรได้บ้าง คาดว่าน่าจะเข้าข่ายเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ส่วนหลักฐานการเอาผิด ต้องใช้เวลาเล็กน้อย เพื่อตรวจสอบให้มีความชัดเจนมากที่สุด
ส่วนภายในสัปดาห์นี้จะมีการออกหมายเรียกหรือหมายจับใครได้หรือไม่นั้น พ.ต.อ.เอนก บอกว่า “ยังไม่มี” เนื่องจากมีรายละเอียดในคดีเยอะ เราขอทำงานให้รอบคอบและรัดกุม
ในกรณีที่หลายส่วนมีการตั้งข้อสังเกต ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมตำรวจยังไม่สามารถตั้งข้อหาได้ และเป็นกังวลว่าอาจมีการโยกย้ายถ่ายเททรัพย์สินระหว่างนี้ พ.ต.อ.เอนก ระบุว่า ทรัพย์สินในระหว่างนี้ หากมีการโยกย้ายถ่ายเท มันก็จะมีร่องรอย ไม่ว่าจะเป็นบ้าน, รถหรือที่ดิน ยืนยันว่าไม่เป็นปัญหาในการตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม หากการตรวจสอบ ชัดเจนแล้วว่าผิดความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน หรือเป็นความผิดเกี่ยวกับเจ้าพนักงานสามารถเอาผิดเพิ่มเติมได้ในความผิด ม.157 หรืออาจเกี่ยวข้องกับเจ้าพนักงานเบียดบังยักยอกทรัพย์ซึ่งความผิดต่างๆเหล่านี้เป็นมูลฐานของข้อหาฟอกเงินได้ พร้อมย้ำว่า “ถ้าผู้ได้รับโอนทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง ที่มีปัญหาอาจเข้าไปเกี่ยวข้องในฐานความผิดร่วมกันฟอกเงิน”
ขณะที่มีรายงานข่าวว่า จะมีการออกหมายเรียก กลุ่มคนที่เคยบริจาคให้วัดมาให้ข้อมูลนั้น พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า หลังจากที่เราได้รับเรื่องมาแล้วได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปซักถามแล้วเบื้องต้น ทั้งนี้ เราไม่ได้เน้นการตรวจสอบเฉพาะเรื่องหมอบีเท่านั้นแต่เราจัตรวจสอบเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้องด้วย เพื่อให้ประชาชนเกิดความสบายใจที่บริจาคเงินมา โดยได้บูรณาการการทำงานร่วมกันกับหลายหน่วยงานในการเข้าไปตรวจสอบ ส่วนการประสานร่วมกับ บก.ปปป. นั้น ปรึกษาหารือร่วมกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบก.ป.
เมื่อถามว่าภายในสัปดาห์นี้จะมีการลงพื้นที่วัด เพื่อตรวจสอบในประเด็นต่างๆหรือไม่นั้น พ.ต.อ.เอนก ยืนยันว่า ประเด็นนี้ยังไม่มีข้อมูล
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าวัดเปิดรับบริจาคโครงการหนึ่ง แต่ออกใบอนุโมทนาบัตรเป็นอีกโครงการหนึ่ง พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า หนึ่งคือไม่ตรง แต่ต้องดูว่าเป็นการทุจริตหรือไม่ และผู้เกี่ยวข้องต้องมาชี้แจงและให้คำตอบเรื่องนี้
ทั้งนี้จะมีการตรวจสอบย้อนหลังไปกี่ปีนั้น พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า ขณะนี้เราเห็นเลขบัญชีที่เกี่ยวข้องกับ 'หมอบี' ตั้งแต่ปี 2562 ส่วนทรัพย์สินรายการอื่นๆ จะย้อนลึกลงไปมากกว่านั้น แต่ต้องขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและที่มาของทรัพย์สิน อีกทั้งเราจะตรวจสอบเรื่องการถือแทนของทรัพย์สินที่มีชื่อของบุคคลอื่นให้กระจ่างให้ได้
สำหรับกรณีที่ที่ดิน 2,000 ไร่ ที่มีชื่อถือครองเป็นบุคคลใกล้ชิดเจ้าอาวาส ประเด็นนี้ พ.ต.อ.เอนก ย้ำชัดว่า จะตรวจสอบทุกประเด็นให้ครบทุกด้าน ส่วน ปปง. จะเข้ามาดูด้วยหรือไม่นั้นต้องประสานผู้บัญชาการอีกครั้งหนึ่ง ส่วนกรณีซื้อรถให้วัดแต่มีการยืมรถไปใช้นั้น ในมุมนักกฎหมายนั้นเป็นเพียงข้ออ้างที่เลื่อนลอย เพราะฉะนั้นหากซื้อให้วัดก็ต้องเป็นชื่อวัด แต่หากซื้อให้วัดแล้วเป็นชื่อของตนเองหรือบุคคลอื่น อาจจะส่อเจตนาที่ไม่สุจริตได้ หากเจตนาบริสุทธิ์การซื้อทรัพสินให้วัดก็ต้องเป็นชื่อของวัด
เมื่อถามว่าบุคคลที่เอาทรัพย์สินของวัดไป หากนำทรัพย์สินมาคืนวัดมีความผิดหรือไม่ พ.ต.อ.เอนก บอกว่า ต้องย้อนกลับไปดูว่าสิ่งที่ได้รับมาถูกต้องหรือไม่ หรือเป็นเรื่องของการทุจริตหรือไม่ ถ้าทุจริตหรืถือความผิดนั้นสำเร็จไปแล้ว
พ.ต.อ.เอนก ฝากทิ้งท้ายว่า สุดท้ายนี้ ผู้ที่เกี่ยวข้องหรือถือทรัพย์สินแทนวัด หากเพิกเฉย ไม่ดำเนินการนำมาคืนโดยถูกต้องตากมฎหมาย หากมีความผิดมูลฐานที่ชัดจเจนที่เกี่ยวข้องในเรื่องการฟอกก็จะเกี่ยวข้องในคดีด้วย เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่มากในสังคม ทรัพย์สินที่เกิดขึ้นถือเป็นเงินบุญ และเป็นเงินบุญที่ได้จากพี่น้องประชาชน คนละ 1 บาท 10 บาท หรือ 100 บาท และทุกคนให้ด้วยใจ ใจที่มีบุญและกุศล เพราะฉะนั้นเงินที่ประชาชนบริจาคมาจ้องไปในทิศทางที่ถูกต้อง หากไม่ถูกต้อง ก็รู้อยู่แล้วว่าเงินบุญมันแรง หากบางคนที่ยังไม่สำนึก และกอดทรัพย์สินอยู่ ความเดือดร้อนก็อาจจะมาเยือนได้