บุกคลินิกศัลยกรรมเถื่อน รวบ 2 หมอ รับทำสวย เพิ่มขนาดเจ้าโลก อึ้ง! สภาพสกปรก ไร้แพทย์จริงประจำคลินิก
วันนี้ (15 ส.ค.68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ร่วมด้วย นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ นพ.นนท์ จินดาเวช นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี เข้าปฏิบัติการตรวจค้นสถานพยาบาลรับทำศัลยกรรมอวัยวะเพศเถื่อน และแพทย์เถื่อน ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี จำนวน 2 จุด จับกุมหมอเถื่อน 2 ราย
พฤติการณ์สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานีได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า ให้ตรวจสอบคลินิกศัลยกรรมที่เปิดให้บริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และผู้ตรวจรักษาเป็นบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ โดยคลินิกแห่งหนึ่งมีการโฆษณาผ่านสื่อโซเชียลต่างๆ สื่อให้ประชาชนเข้าใจว่ามีแพทย์ผู้ความเชี่ยวชาญในการฉีดเพื่อเพิ่มขนาดและขลิบอวัยวะเพศชาย
หลังได้รับร้องเรียนจึงสืบสวนพบว่า มีสถานพยาบาลในพื้นที่ จ.ปทุมธานี เปิดทำการรักษาโดยใช้บุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ตรวจรักษาให้ประชาชนทั่วไปจริง จึงเป็นการนำมาสู่การระดมกวาดล้างหมอเถื่อน และสถานพยาบาลเถื่อนในครั้งนี้ โดยเมื่อวันที่ 13 ส.ค.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก. ปคบ. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข (สบส.) และเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี (สสจ.) ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดธัญบุรีเข้าตรวจสอบคลินิกในพื้นที่ จ.ปทุมธานี 2 แห่ง ได้แก่
คลิกนิกตั้งอยู่บริเวณถนนรังสิตนครนายก ซึ่งโฆษณาเปิดรับศัลยกรรมความงาม ยกคิ้ว ตัดถุงใต้ตา รับฉีดเพิ่มขนาดและขลิบอวัยวะเพศชาย ซึ่งสถานพยาบาลดังกล่าวเปิดดำเนินการมีสาขาทั่วประเทศหลายสาขา ขณะเข้าตรวจค้น พบนายเคนโซ อายุ 28 ปี กำลังทำหัตถการให้กับผู้มารับบริการ
จากการตรวจสอบสถานพยาบาลดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ และใบอนุญาตดำเนินการสถานพยาบาล อีกทั้งภายในคลินิกที่ตรวจรักษามีสภาพไม่ถูกสุขอนามัยเป็นอย่างมาก โดยวางอุปกรณ์ทางการแพทย์ทั้งที่ใช้แล้ว และยังไม่ใช้รวมกันบนพื้นและในห้องครัว
นอกจากนี้ ยังได้นำหลอดฉีดยาที่เจาะเลือดผู้ป่วยแล้ววางรวมอยู่ในตู้เก็บของ โดยไม่มีการแยกขยะติดเชื้อแต่อย่างใด รวมถึงนำขยะที่อาจติดเชื้อทิ้งไว้รวมกับขยะหรืออุปกรณ์การแพทย์อื่น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงร่วมกันจับกุม นายเคนโซ พร้อมตรวจยึดของกลาง เป็นยาแผนปัจจุบัน เครื่องมือแพทย์ และอุปกรณ์ในการรักษา 30 รายการ รวม 625 ชิ้น นำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดี
สอบถาม นายเคนโซ ยอมรับว่า ตนจบหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล มาทำงานที่นี่ได้ประมาณ 3-4 เดือน รับเงินเดือนเดือนละ 27,000 บาท โดยคลินิกนี้มีแพทย์เข้ามาทำหัตถการเป็นบางวันและตนก็จะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยแพทย์ที่มารักษา วันใดที่มีประชาชนมาใช้บริการโดยไม่มีนายแพทย์ ก็จะทำหัตถการด้วยตนเอง ทั้งนี้ ตรวจสอบในเบื้องต้นพบแพทย์ที่โฆษณาเป็นบุคคลเดียวกัน ซึ่งพนักงานสอบสวนจะได้สอบสวนขยายผลดำเนินคดีต่อไป
ส่วนคลินิกศัลยกรรมแห่งที่สอง บริเวณถนนรังสิตนครนายก เปิดให้บริการฉีดฟิลเลอร์ โบท๊อกซ์ เลเซอร์ ร้อยไหม และศัลยกรรมอื่น ขณะตรวจค้นพบ น.ส.อริยา อายุ 37 ปี กำลังทำหัตการฉีดวิตามินให้กับผู้มารับบริการ โดยจากการตรวจสอบพบว่า สถานพยาบาลได้รับอนุญาตถูกต้อง แต่ไม่มีแพทย์อยู่ประจำ สอบถาม น.ส.อริยา ยอมรับว่า จบการศึกษาระดับ ปวช. และไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมแต่อย่างใด โดยทำงานมาประมาณ 1 ปี รายได้เดือนละ 15,500 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุมตัว น.ส.อริยา พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นยาแผนปัจจุบัน และยาไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา รวม 13 รายการ จำนวน 175 ขวด ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดี
เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต และดำเนินกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยไม่ได้รับอนุญาต, ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ขายยาที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา
นพ.นนท์ จินดาเวช นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ผู้ประกอบกิจการสถานพยาบาลจะต้องจัดให้มีแพทย์ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลอยู่ประจำสถานพยาบาลตลอดเวลาทำการ เพื่อความปลอดภัยของผู้รับบริการ หากมีการนำชื่อแพทย์มาแขวนป้ายโดยไม่จัดให้มีแพทย์ผู้ดำเนินการฯ ประจำอยู่จริงนั้นจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ซึ่งมีโทษทั้งจำ ทั้งปรับ
พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ ผบก.ปคบ. กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ. ได้รับเบาะแสบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ทำการรักษาโรค และทำหัตถการฉีดเสริมความงามให้ประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่า การฉีดฟิลเลอร์เพื่อเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชายเป็นรสนิยมทางเพศส่วนตัวในแต่ละบุคคล ไม่ได้มีประโยชน์ต่อสุขภาพในแง่ทางการแพทย์แต่อย่างใด การผ่าตัดเพื่อใส่สิ่งแปลกปลอมเข้าไปในอวัยวะเพศอาจทำให้เสี่ยงต่อการอักเสบจนถึงขั้นติดเชื้อและอาจส่งผลร้ายให้อวัยวะเพศใช้การไม่ได้ และแจ้งเตือนไปยังผู้ที่ลักลอบกระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่สวมรอยเป็นหมอ, หมอเถื่อน หรือคลินิกเถื่อน ให้หยุดพฤติการณ์ดังกล่าวทันที เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการจับกุมอย่างต่อเนื่อง หากตรวจพบจะดำเนินคดีโดยเด็ดขาด พี่น้องประชาชนสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วน บก.ปคบ.1135 หรือเพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภค
ส่วนแพทย์ที่ยินยอมให้สถานพยาบาลนำชื่อมาแขวนป้ายก็จะมีการดำเนินคดีด้านจริยธรรมทางการแพทย์ จากแพทยสภา ซึ่งอาจจะรุนแรงถึงขั้นระงับใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมได้ ดังนั้น จึงขอเน้นย้ำให้แพทย์ผู้ดำเนินการฯ ทุกรายปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง