ตายไปเจออะไร? แม่เฒ่าวัย 104 ฟื้นคืนชีพจากโลงศพ พูดประโยคเดียวเนิบๆ ญาติตะลึงงัน
ใครฟังก็ตะลึงงัน… แม่เฒ่าวัย 104 ฟื้นคืนชีพจากโลงศพ เล่าชีวิตหลังความตาย แถมตรวจร่างกายแข็งแรงกว่าเดิม เหมือนเกิดใหม่!
สื่อจีนเผยแพร่เรื่องราวของหญิงวัย 104 ปี ที่ฟื้นขึ้นมาหลังจากถูกใส่ร่างในโลงศพ ที่น่าทึ่งยิ่งกว่านั้นคือ หลังจากนั้นสุขภาพกลับดูดีขึ้นกว่าเดิม การฟื้นคืนชีพอันน่าอัศจรรย์นี้สร้างความประหลาดใจให้กับผู้พบเห็นทุกคน แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน
ย้อนกลับไปในปี 2016 “จาง ซวนเต้า” หญิงวัย 104 ปี ที่นอนป่วยมาระยะหนึ่ง ในที่สุดก็ดูเหมือนชีวิตจะถึงจุดจบ ร่างกายค่อยๆ สูญเสียความอบอุ่น ลมหายใจหยุดลง สถานการณ์โศกเศร้าที่บังคับให้ครอบครัวต้องเริ่มเตรียมตัวสำหรับงานศพ โดยลูกสาวได้จัดเตรียมชุดไว้อาลัยให้เธออย่างประณีต และวางร่างของเธอลงในโลงศพ
แต่ทันใดนั้น ปาฏิหาริย์อันน่าเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น จู่ๆนางจางลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง สะบัดผ้าห่อศพออกไปอย่างกะทันหัน และก็ลุกขึ้นจากโลงศพโดยไม่มีใครทันตั้งตัว! ภาพนี้สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนที่อยู่ที่นั่น หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกจากอก ทั้งห้องกลายเป็นความโกลาหลทันที
เมื่อมองดูใบหน้าที่หวาดกลัวรอบตัว นางจางก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่ชัดเจน“อย่ากลัวไปเลย ยังไม่ถึงเวลาที่ฉันต้องไป” น่าแปลก ทันทีที่เธอพูดจบ ความกลัวของทุกคนก็ดูเหมือนจะหายไปในทันที ถูกแทนที่ด้วยความยินดีและความประหลาดใจอย่างล้นเหลือ สมาชิกในครอบครัวก้าวเข้ามาปลอบโยนเธออย่างมีความสุข
และสิ่งที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่านั้นก็คือ หลังจากฟื้นขึ้นมาแล้ว สุขภาพของนางจวงกล้บดูดีขึ้นกว่าเดิมมาก ราวกับว่าเธอได้ผ่านการ “เกิดใหม่" เมื่อในเวลาต่อมา ผลการตรวจร่างกายแสดงให้เห็นว่า แม้ร่างกายของนางจางจะอ่อนแอตามวัย แต่สุขภาพก็ไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตอีกต่อไป
วันรุ่งขึ้น เธอก็ยังคงทำกิจกรรมต่างๆ ได้ แม้กระทั่งเล่นไพ่นกกระจอกกับเพื่อนๆ ในหมู่บ้านตามปกติ ความจำของเธอยังคงเฉียบคม จำทิศทางของไพ่แต่ละใบได้และคาดเดากลยุทธ์ของคู่ต่อสู้ได้ ทำให้เธอกลายเป็นปรมาจารย์ไพ่นกกระจอก
เรื่องราวการ "ฟื้นคืนชีพ" ของนางจางแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่กลายเป็นหัวข้อสนทนาเท่านั้น แต่ยังดึงดูดความสนใจของผู้เชี่ยวชาญและสื่อมวลชนภายนอกอีกด้วย
เรื่องเล่า "หลังความตาย" ที่สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคน
ในการสัมภาษณ์ นางจางเล่าถึงประสบการณ์หลังความตายของเธอว่า ฉันเห็นผู้ชายตัวเล็กสองคน คนหนึ่งผลักฉันจากด้านหลัง และอีกคนดึงฉันจากด้านหน้า เมื่อผู้สื่อข่าวถามเธอว่าใครคือคนที่ "ผลัก" และ "ดึง" เธอ นางจางตอบทันทีว่า"เขาคือสามีของฉัน และผู้ใหญ่อีกคนในครอบครัว พวกเขาไม่อยากให้ฉันจากไปเร็วขนาดนี้แน่นอน" คำตอบของเธอทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตกตะลึง
แม้ว่าประสบการณ์ครั้งนี้ยากจะเชื่อ แต่ครอบครัวของนางจางก็ยืนยันเสมอว่าการเสียชีวิตของเธอไม่ได้เป็นเรื่องหลอกลวง แต่เป็นไปตามความปรารถนาสุดท้ายของเธอ คือไม่ให้มีการช่วยชีวิตใดๆ และแพทย์ในขณะนั้นก็ยืนยันว่าสัญญาณชีพของเธอหายไปแล้ว
ครอบครัวยืนยันด้วยว่า นางจางเชื่อมั่นในวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ชีวิตและความตายถูกกำหนดโดยโชคชะตา และไม่จำเป็นต้องทำการช่วยชีวิตใดๆ ที่ไม่จำเป็นหลังจากเธอเสียชีวิต โดยลูกชายกล่าวว่า “เราเคารพในความปรารถนาของเธอ เธอไม่เคยต้องการให้เราใช้ความพยายามใดๆ เพิ่มเติมหลังจากที่เธอเสียชีวิต”
ผู้เชี่ยวชาญยังตั้งสมมติฐานว่าการฟื้นคืนชีพของจางอาจเป็นรูปแบบหนึ่งของ"ภาวะหยุดนิ่ง" ซึ่งระบบเผาผลาญของร่างกายจะช้าลงจนเกือบตาย เนื่องจากความหนาวเย็นจัดหรือปัจจัยทางสรีรวิทยาอื่นๆ แต่แท้จริงแล้วบุคคลนั้นยังไม่ได้เสียชีวิต แม้ว่าปรากฏการณ์นี้จะพบได้ยากมาก แต่ก็มีกรณีลักษณะเดียวกันนี้เกิดขึ้นทั่วโลก
อีกทั้ง การตรวจร่างกายของนางจางยังยืนยันอีกว่า สภาพร่างกายของเธอดีอย่างน่าประหลาดใจ โดยมีหลายตัวบ่งชี้ว่าสุขภาพดีกว่าคนทั่วไปในช่วงอายุ 70 หรือ 80 ปี
การฟื้นคืนชีพของนางจางนั้น ชวนให้นึกถึงธรรมเนียมจีนโบราณที่เก็บโลงศพไว้ 7 วัน ปรากฏการณ์คล้ายคลึงกันนี้เคยพบเห็นมาหลายครั้งในสมัยโบราณ แต่ด้วยความรู้ทางการแพทย์ที่จำกัด จึงไม่สามารถอธิบายได้ นางจางเองก็แสดงความมองโลกในแง่ดีว่า บางทีพระเจ้าอาจเห็นว่าข้ายังมีธุระค้างคาอยู่ จึงได้ชุบชีวิตข้าขึ้นมาใหม่
ท้ายที่สุด เรื่องนี้ไม่เพียงแต่สร้างความตกตะลึงให้กับชาวบ้านเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นให้เกิดการครุ่นคิดและถกเถียงกันอย่างกว้างขวางอีกด้วย