‘ครม.’ เร่ง ‘สำนักงาน ก.พ.’ วางเกณฑ์ ชาร์จ ‘รถ EV’ ในสถานที่ราชการ
นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าเมื่อเร็วๆนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้พิจารณารายงานของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (สำนักงาน ก.พ.) ที่ได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำหนดให้หน่วยงานราชการจัดทำมาตรการป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่หรือบุคลากรใช้ไฟฟ้าทางราชการไปเพื่อประโยชน์ส่วนตน
โดยเฉพาะในกรณีการนำรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ส่วนบุคคลมาชาร์จไฟในสถานที่ราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากพฤติกรรมดังกล่าวอาจเข้าข่ายการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบและก่อให้เกิดความไม่เหมาะสมในด้านจริยธรรมและการใช้ทรัพยากรสาธารณะ
ทั้งนี้ตามมติ ครม. ก่อนหน้านี้ได้กำหนดให้หน่วยงานต่างๆ พิจารณากำหนดระเบียบหรือแนวทางควบคุม พร้อมทั้งพิจารณาการจัดเก็บค่าบริการไฟฟ้าหรือค่าชดเชยตามความเหมาะสม หากมีความจำเป็นต้องใช้งานไฟฟ้าหลวง ทั้งนี้ ต้องรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทราบด้วย
โดยความคืบหน้าล่าสุด สำนักงาน ก.พ. รายงานว่า ได้เริ่มศึกษาแนวทางกำกับดูแลและหารือเบื้องต้นกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีแนวคิดจัดทำหลักเกณฑ์กลางให้ทุกหน่วยงานถือปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน เช่น การแยกจุดชาร์จไฟสำหรับรถราชการและรถส่วนบุคคล การควบคุมสิทธิ์การใช้ไฟ และการจัดเก็บค่าไฟตามจริงเพื่อให้เกิดความชัดเจนและป้องกันปัญหาในอนาคต
ทั้งนี้ได้มีการดำเนินการให้ตรงกับวัตถุประสงค์ ที่ สำนักงาน ป.ป.ช. ได้แสดงความเห็นว่า ควรกำหนดแนวทางที่รัดกุมและโปร่งใส เพราะการชาร์จรถ EV ส่วนบุคคลในสถานที่ราชการอาจถูกมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ส่วนตนและทำลายความน่าเชื่อถือของหน่วยงานรัฐ
อย่างไรก็ตามสำนักงาน.ก.พ. ได้ดำเนินการศึกษากฎระเบียบเกี่ยวกับจริยธรรมสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยร่วมกับการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการที่มีแนวทางเกี่ยวกับการนำรถ EV ส่วนตัวมาชาร์จไฟในสถานที่ราชการ โดยพิจารณาถึงประเด็นต่างๆเช่น สวัสดิการของรัฐ การใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุเพื่อติดตั้งเครื่องอัดประจุไฟฟ้า/ สถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะไฟฟ้าของส่วนราชการ แต่อาจยังไม่ ครอบคลุมหน่วยงานของรัฐประเภทอื่น สำนักงาน ก.พ. จึงมีหนังสือแจ้งไปยังองค์กรกลางบริหารงานบุคคลประเภทต่าง ๆ" และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว โดยในขณะนี้ สนง.ก.พ. อยู่ระหว่างรวบรวมความเห็น ทั้งนี้ เมื่อได้ข้อมูลครบถ้วนแล้ว สำนักงาน ก.พ. จะวิเคราะห์ผลการดำเนินการเพื่อนำเสนอ ครม. ต่อไป
ทั้งนี้ที่ประชุม ครม.ได้รับทราบตามที่ สำนักงาน ก.พ.เสนอแต่ได้มอบหมายให้สำนักงาน ก.พ. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสรุปผลการพิจารณาและจัดทำข้อเสนอแนะในภาพรวม พร้อมทั้งส่งรายงานผลการดำเนินงานและความเห็นต่อ ครม. ภายใน 2 สัปดาห์ นับจากวันที่ได้รับเรื่อง เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณากำหนดมาตรการที่ชัดเจนต่อไป โดยมาตรการดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับวินัย คุณธรรม จริยธรรม และความโปร่งใสในการใช้ทรัพยากรของทางราชการ เพื่อสร้างมาตรฐานที่เหมาะสมและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย