5 ไฮไลต์เด็ดกับ GPT-5 โมเดลใหม่แห่งปีของ Open AI
OpenAI ได้เปิดตัว GPT-5 อย่างเป็นทางการช่วงกลางคืนที่ผ่านมา แถมยังเป็นครั้งแรกของ Open AI ที่ปล่อยโมเดล reasoning หรือโมเดลคิดเชิงเหตุผลให้ผู้ใช้งานฟรีได้ใช้ด้วย ผู้ใช้งานทั่วโลกได้พร้อมใจทดลองใช้งานกันจนบางพื้นที่ระบบล่มกันเลยทีเดียว บทความนี้มาดูไฮไลต์เด่นๆ ของ GPT-5 กัน
[ ฉลาดเหมือนคุยกับคนที่จบปริญญาเอก ]
Sam Altman ซีอีโอ Open AI เคยออกมาพูดถึง GPT-5 หรือโมเดล AI ขั้นสูงตัวใหม่ของ OpenAI ในพอดแคสต์ว่า “มีความฉลาดกว่ามนุษย์ในทุกด้าน ตอบคำถามได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ผมรู้สึกว่า ตัวเองไร้ประโยชน์”
ล่าสุดในการเปิดตัว GPT-5 Sam บอกว่าโมเดลใหม่ “ฉลาดเสมือนผู้เชี่ยวชาญระดับ PhD” และยังอธิบายลำดับขั้นของโมเดลก่อนหน้าให้เห็นภาพชัดขึ้นว่า
GPT-3 ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังคุยกับนักเรียนมัธยมปลาย อาจจะตอบคำถามถูกบ้าง แต่บางครั้งก็ได้คำตอบที่แปลกๆ หรือไม่น่าเชื่อถือ
GPT-4 เหมือนได้คุยกับนักศึกษามหาวิทยาลัย มีความรู้กว้างขึ้น ตอบคำถามได้ดีขึ้น
GPT-5 เป็นครั้งแรกที่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังปรึกษา หรือผู้เชี่ยวชาญระดับปริญญาเอก (PhD) คุยในหัวข้อใดก็ได้ ไม่ใช่แค่รู้ข้อมูล แต่สามารถให้คำตอบที่ลึกซึ้งผ่านการวิเคราะห์มาอย่างดี
[ ประสิทธิภาพสูงขึ้นในทุกด้าน ]
โมเดลใหม่ย่อมหมายถึงประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ ซึ่ง GPT-5 จะเป็นโมเดลที่ฉลาดที่สุดของ Open AI ในตอนนี้ ทั้งด้านการเขียนโค้ด, คณิตศาสตร์, การเขียนเชิงสร้างสรรค์, ข้อมูลสุขภาพ, และการประมวลผลภาพ ซึ่ง Open AI ได้เผยแพร่ตารางเบนช์มาร์คในด้านต่างๆ เทียบกับโมเดลตัวเก่า
ในเดโม่เปิดตัวมีการสาธิตการสร้างเกมหรือแอปพลิเคชันแบบหน้าเดียว (Single-Page App) ที่ทำงานได้จริง ด้วยการใช้ Prompt เพียงครั้งเดียว สามารถทำความเข้าใจโจทย์ที่ซับซ้อนและสร้างผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ได้
จากเครื่องมือชี้วัดภายใน GPT-5 สามารถลดการสร้างข้อมูลเท็จ (Hallucination) ลงอย่างมาก ลดข้อผิดพลาดด้านข้อเท็จจริงลงถึง 80% เมื่อเทียบกับโมเดลรุ่นก่อนหน้า ทำให้ GPT-5 เก่งเรื่องการตอบคำถามหลากหลาย โดยเฉพาะข้อมูลสุขภาพ ที่ต้องใช้บริบทแวดล้อมสูง
[ การเขียนเชิงสร้างสรรค์ ]
GPT-5 ได้รับการปรับปรุงความสามารถการเขียน ให้เขียนเชิงสร้างสรรค์ได้ดีขึ้น ในเดโม่มีการสาธิตให้เขียนประกาศอำลา GPT โมเดลเก่า ใช้ GPT-4o เขียนเทียบกับ GPT-5 พบว่าผลงานการเขียนของ GPT-5 มีความเป็นแพทเทิร์นน้อยกว่า ใช้คำได้สร้างสรรค์กว่า ดูไม่เหมือน AI เขียนมากนัก
[ เปลี่ยนบุคลิกได้ ]
OpenAI ยังเปิดฟีเจอร์ใหม่ “Personalities” (บุคลิก) โหมดการตอบสนองที่ตั้งค่าไว้ล่วงหน้า 4 แบบ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกสไตล์การตอบของ AI ได้ตรงตามความต้องการมากขึ้น โดยไม่ต้องเขียน Prompt ที่ซับซ้อน
บุคลิกใหม่ 4 แบบจะให้เราเลือกผ่านเมนู drop down คือ
Cynic ถ้าอยากให้ ChatGPT มีบุคลิกนิสัยแบบประชดประชัน
Robot ให้คำตอบเน้นเฉพาะคำตอบที่จำเป็น
Listener สำหรับคนที่ต้องการผู้ฟัง เหมาะกับคำถามเชิงปรึกษาเรื่องชีวิต
Nerd สำหรับคำถามเชิงลึกในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
นอกจากนี้ยังปรับธีมสีในห้องแชท ChatGPT ได้ด้วย เพิ่มลูกเล่นและปรับอารมณ์การใช้งานได้ดี
[ ใช้ฟรี ]
ครั้งนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ Open AI เปิดโมเดล reasoning หรือโมเดลที่คิดวิเคราะห์เชิงเหตุผลให้ผู้ใช้งานฟรีได้ใช้ด้วย จากเดิมที่มักสงวนไว้ให้ผู้ใช้งานแบบ Plus และ Pro ใช้งานเท่านั้น แต่จะถูกจำกัดการใช้งานต่อวัน แน่นอนว่าถ้าอยากใช้งานความสามารถ GPT-5 เต็มที่ก็ต้องจ่ายเงินนั่นเอง
โมเดล GPT-5 พร้อมใช้งานทั้งในแอป และเปิดเป็น API ให้นักพัฒนาเข้าถึงได้ และยังพร้อมใช้งานบนแพลตฟอร์มต่างๆ ของไมโครซอฟท์ที่เป็นบริษัทพันธมิตรกันมานาน