โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

“ไล่แรงงานกัมพูชากลับบ้าน” ไม่ได้กระทบแค่นายจ้าง แต่กระทบเศรษฐกิจคนไทยทั้งประเทศ

The Momentum

อัพเดต 16 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • THE MOMENTUM

519,684 คน คือจำนวนแรงงานชาวกัมพูชาในประเทศไทย ทำงานอยู่ในภาคส่วนของเศรษฐกิจ ทั้งเกษตรกรรม งานบริการ ก่อสร้าง และโรงงานอุตสาหกรรม ทว่าในปัจจุบันมีการประเมินว่า มีแรงงานชาวกัมพูชาเดินทางกลับประเทศแล้วกว่า 3 แสนคน และเป็นการกลับแบบกะทันหัน

สิ่งนี้อาจเป็นที่พึงพอใจสำหรับชาวไทยหลายคนที่มีความต้องการให้ชาวกัมพูชาเดินทางกลับประเทศโดยเร็วนับตั้งแต่ความขัดแย้งตรงแนวชายแดนเริ่มปะทุขึ้น แต่ไม่ใช่สำหรับภาคส่วนที่ต้องพึ่งพาแรงงานข้ามชาติ โดยเฉพาะชาวกัมพูชาอย่างแน่นอน

สิ่งที่เกิดขึ้นกระทบต่อระบบเศรษฐกิจอย่างไร คำพูดที่ว่า “ไล่แรงงานกัมพูชากลับประเทศให้หมด” มีสิ่งใดที่ต้องคิดอย่างลึกซึ้ง แล้วประเทศไทยมีความพร้อมหรือไม่กับสถานการณ์แบบนี้ The Momentum พาไปสำรวจมุมมองทั้งผู้ประกอบการ เครือข่ายนายจ้าง และเครือข่ายแรงงานไปพร้อมกัน

ตั้งแต่การปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชาเกิดขึ้นตามแนวชายแดนเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ภาพการเดินทางกลับมาตุภูมิของแรงงานชาวกัมพูชาในประเทศไทยก็เริ่มชัดเจนขึ้น และยิ่งมากขึ้นเมื่อมีกระแสของ ‘ข่าวลือ’ ว่า ทางการของกัมพูชาเรียกคนกัมพูชาในไทยให้เดินทางกลับโดยด่วน มิเช่นนั้นทรัพย์ที่อยู่ในกัมพูชาจะถูกยึด ลบสัญชาติ ไปจนถึงการข่มขู่ครอบครัวให้โทรหาลูกหลานให้เดินทางกลับกัมพูชาโดยด่วน

แต่จากมุมมองของ นิลุบล พงษ์พยอม กลุ่มนายจ้างสีขาว นอกจากข่าวลือ เหตุผลที่ทำให้แรงงานกัมพูชากลับประเทศคือ ‘ความปลอดภัย’ เนื่องจากความบาดหมางของ 2 ประเทศ ได้โหมกระแสความเกลียดชัง ชาวกัมพูชาในประเทศไทยกลัวจะถูกตามล่าตัวและถูกทำร้าย ในขณะที่ระบบยุติธรรมของไทยยังไม่เข้าถึงแรงงานข้ามชาติมากพอ จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้แรงงานกัมพูชาตัดสินใจที่จะเดินทางกลับมาตุภูมิ

“อีกปัจจัยคือ คนไทยทำตัวเหมือนศาลเตี้ย ออกมาตามล่า มารวมกลุ่มทำร้ายคนกัมพูชา เลยทำให้เขากลับด้วย เพราะเขากลัวว่าอยู่ไปแล้วจะมีความเสี่ยงหรือเกิดปัญหากับเขา”

นิลุบลจัดพฤติกรรมเหล่านี้ของคนไทยว่า ‘คิดน้อย’ เพราะเป็นปัจจัยที่บีบให้แรงงานกับพูชาหันหลังให้กับการเป็นแรงงานในประเทศไทย จากการสำรวจของสำนักบริหารแรงงานต่างด้าวเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 มีแรงงานกัมพูชาในระบบเศรษฐกิจไทยกว่า 519,684 คน ซึ่งถือว่ามากเป็นอันดับ 2 รองจากแรงงานพม่า แต่ขณะนี้พวกเขาเดินทางออกจากด่านฝั่งไปแล้วราว 3 แสนคน

“แล้วแรงงานเหล่านี้เขาแทรกซึมอยู่ในทุกประเภทกิจการ ซึ่งหลักๆ คือประมงและเกษตรกรรม ซึ่งในภาคประมงแม้จะไม่มีสงครามก็ขาดแคลนแรงงานมาโดยตลอด ขณะเดียวกันแรงงาน 1 คนสามารถมีนายจ้างได้ถึง 3 คน แต่แรงงานก็ยังไม่พออยู่ดี

“แต่ในช่วงเวลานี้ถามว่า ภาคไหนที่ได้รับกระทบก็คงเป็นภาคเกษตร เพราะช่วงนี้จันทบุรี ระยอง ชลบุรี เป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลลำไย ถ้าไม่มีแรงงาน เกษตรกรก็จะขาดทุน ไหนจะลำไยร่วงเพราะเก็บไม่ทัน ก็ทำให้ราคาร่วงอีก”

กิจการภาคอื่นๆ ก็กระทบไม่น้อย อย่างเช่นภาคการก่อสร้าง สะท้อนจากมุมมองของ อมร บุญเลิศ ผู้รับเหมาก่อสร้างของบริษัทแห่งหนึ่ง ที่เคยมีแรงงานกัมพูชากว่า 60 คน แต่ปัจจุบันนี้เหลืออยู่เพียง 30 คน

“ปัจจุบันบริษัทของเราใช้แรงงาน 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือชาวกัมพูชาและพม่า เราใช้งานชาวกัมพูชาประมาณ 30-50% ไปกับงานด้านสถาปัตยกรรมและงานโครงสร้าง ในขณะที่คนไทยอยู่ในส่วนของงานนี้ไม่ถึง 20% เท่านั้น และยังคงลดลงเรื่อยๆ ดังนั้นกิจการของเราจึงได้รับผลกระทบโดยตรง”

ผู้รับเหมาก่อสร้างรายนี้ยังสะท้อนว่า การสูญเสียแรงงานอย่างกะทันหัน ทำให้บริษัทสูญเสียต้นทุนที่จ่ายเพื่อให้แรงงานมีความพร้อมในการทำงาน เช่น ค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการประกันสังคม ซึ่งบริษัทมีหน้าที่ในการดูแล อย่างไรก็ตามเพื่อให้กิจการยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง อมรระบุว่า บริษัทอยู่ระหว่างสรรหาแรงงานสัญชาติอื่นๆ เข้ามาทดแทนแรงงานชาวกัมพูชา “แต่ติดปัญหาเรื่องความเชี่ยวชาญและภาษา เพราะกว่า 90% คนกัมพูชาจะสามารถพูดภาษาไทยได้และเคยอาศัยอยู่ในประเทศไทยมาก่อนประมาณ 4-5 ปี

แม้ภายหลังแรงงานสัญชาติพม่ามีจำนวนเพิ่มมากขึ้น แต่ยังคงติดปัญหาด้านการสื่อสาร ซึ่งอมรมองว่า ชาวพม่าเพียง 50% เท่านั้นที่สามารถสื่อสารด้วยภาษาไทยได้ ในขณะที่ลักษณะงานของแรงงานพม่าเน้นงานโครงสร้างและกรรมกรเป็นหลัก จึงติดปัญหาในด้านทักษะที่ไม่เหมือนกัน หากจะนำมาทดแทนแรงงานกัมพูชาที่เน้นงานสถาปัตยกรรมเป็นส่วนมาก

มายด์ ผู้ประกอบกิจการรับจ้างติดตั้งเครื่องจักรโรงสี ในจังหวัดสมุทรปราการ เป็นอีกหนึ่งกิจการที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากแรงงานชาวกัมพูชาหายไปอย่างกะทันหัน ส่งผลให้ช่างติดตั้งเครื่องจักรมีไม่เพียงพอ

“ตอนนี้เราเหลือแรงงานกัมพูชาแค่ 3 คน จากเดิมมี 7 คน ทำให้ช่างติดตั้งไม่พอ ที่สำคัญคือคนที่กลับบ้านเขามีความเชี่ยวชาญในการติดตั้งอยู่แล้ว พอจะเอาคนใหม่เข้ามาก็ต้องมีต้นทุนในการสอนทั้งระยะเวลากว่าที่จะทำให้เขาเชี่ยวชาญ”

ทั้งนี้เมื่อแรงงานหายไปจากระบบกะทันหัน เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อ ความต้องการแรงงานจึงฉุกเฉินเช่นกัน แต่ระบบการขึ้นทะเบียนแรงงานของไทยยังคงช้า มีขั้นตอนที่ยืดยาด ทั้งการตรวจสุขภาพ การทำวีซ่า ที่ต้องรออนุมัติจากกรมแรงงานก่อน และเมื่อกระบวนการชักช้า แต่งานยังคงต้องเดินหน้าต่อเนื่อง นายจ้างอาจพาแรงงานที่รอการอนุมัติไปทำงานก่อน และจะกลายเป็นแรงงานเถื่อนเนื่องจากระบบอนุมัติการเป็นแรงงานให้แรงงานข้ามชาติช้าเกินไป

ส่วนสถานการณ์ที่ความต้องการแรงงานสูงขึ้น แต่แรงงานกลับสูญหาย แน่นอนว่า เศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน การขาดแรงงานจะทำให้ภาคการผลิตหยุดชะงัก ส่งออกสินค้าไม่ได้เนื่องจากไม่มีแรงงานผลิต รัฐจะเก็บภาษีได้น้อยลงจากภาคธุรกิจ ซึ่งเป็นภาษีที่รัฐจะต้องนำมาใช้ในการบริหารประเทศ สร้างถนน สร้างสะพาน ล้วนแล้วมาจากการเก็บภาษีของภาคธุรกิจ ดังนั้นผลกระทบที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่แค่นายจ้างไม่มีแรงงาน แต่ยังรวมไปถึงภาพกว้างในระดับประเทศที่จะมีงบประมาณพัฒนาชาติลดลงด้วย

“กระทบตอนนี้คือเราขาดแคลนแรงงาน ฟันเฟืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ตั้งแต่สถานประกอบการที่จะต้องเสียภาษีให้กับประเทศ เศรษฐกิจบ้านเรามันเดินด้วยเงิน การสร้างถนน ระบบสาธารณูปโภคในประเทศต้องใช้เงิน เราอย่ามองแค่คนกัมพูชาที่เขาจะได้รับผลกระทบจากการที่เขาไม่ได้ทำงานที่ไทย หรืออย่าไปมองว่าเขาไม่ใช่คนสร้างประเทศไทย

“จริงๆ อยู่ที่เขาไม่ได้เป็นคนสร้างชาติให้เรา แต่ว่าเขาเป็นหนึ่งในฟันเฟือง หากไม่มีเขามาทำงาน แล้วเศรษฐกิจจะขยับอย่างไร เมื่อขยับไม่ได้ก็ไม่มีเงินเข้าไปสู่ภาครัฐ ธุรกิจทั้งเล็กใหญ่ต้องเสียภาษี เพื่อให้รัฐเอามาบริหารจัดการว่าจะเอาไปใช้ดูแลคนไทย พวกเขาอาจแทรกซึมเป็นฟันเฟืองเล็กๆ ในธุรกิจหนึ่ง แต่หากจุดเล็กๆ เหล่านั้นมันหายไปพร้อมกัน เศรษฐกิจไทยก็จะดับวูบไป ปัญหามันก็จะขยายวงกว้าง” นิลุบลระบุ

คำถามคือเราจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร คำตอบแรกๆ ที่มีในใจคนไทยหลายคน คงหนีไม่พ้น ‘ให้คนไทยทำ’ ซึ่งจากการสอบถามจากนายจ้างและเครือข่ายนายจ้าง เห็นตรงกันว่าอาจทำได้ แต่เป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะในส่วนของงานก่อสร้างที่อมรให้ความเห็นว่า ลักษณะงานไม่ตอบโจทย์กับความต้องการของคนไทย ทั้งยังต้องทำงานในสภาพอากาศที่ร้อน และบางครั้งต้องทำงานกลางคืน ขณะเดียวกันประเภทงานที่แรงงานข้ามชาติชาวกัมพูชาทำเป็นงานประเภท 3D (Dirty Job, Dangerous job, Demanding หรือ Difficult Job) จึงไม่ค่อยอยู่ในความสนใจของคนไทย

คำตอบที่ 2 รองจากการเอาคนไทยมาทำงานแทนแรงงานข้ามชาติคือ การสรรหาแรงงานสัญชาติอื่นๆ เข้ามาทำงาน ซึ่งล่าสุดรัฐบาลมีแนวโน้มที่จะนำแรงงานมาจากศรีลังกาทดแทนชาวกัมพูชาที่สูญจากระบบแรงงานไป ทว่าเมื่อสอบถามไปยัง อดิศร เกิดมงคล ผู้ประสานงาน Migrant Working Group มองว่า ‘ไม่ตอบโจทย์’ เพราะการเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทยมีต้นทุนสูง เนื่องจากต้องเข้าประเทศผ่านอากาศยาน ขณะที่แรงงานกัมพูชา พม่า และลาว สามารถเดินทางทางบกเข้าประเทศได้ จึงมีต้นทุนที่ถูกกว่ามาก

สิ่งที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งของปัญหาแรงงานกลับประเทศคือ การแก้ปัญหาของภาครัฐมีลักษณะ ‘รอ’ ให้ปัญหาเกิดขึ้นก่อนแล้วจึงค่อยตามแก้ ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของ ผู้ประสานงาน Migrant Working Group ที่เห็นว่า “รัฐบาลไม่ได้เตรียมไว้เลยว่า จะเกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้นแล้วต้องทำอย่างไร ไม่มีการทำแผนยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหา ซึ่งโดยกฎหมาย กรรมการนโยบายคือรัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน จะต้องทำแผนยุทธศาสตร์มารองรับสถานการณ์แบบนี้ ซึ่งกฎหมายเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2560 แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มียุทธศาสตร์อะไร ขนาดเปลี่ยนรัฐมนตรีมา 4-5 ท่านแล้ว”

ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องแก้ไขในมุมมองของอดิสร สิ่งแรกคือการมี ‘ยุทธศาสตร์’ ในการรองรับสภาวะที่เกิดวิกฤติแรงงาน อย่างที่ 2 คือการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติที่ต้องเพิ่มมิติการคิดคำนึงถึงสถานการณ์ในประเทศของแรงงานเข้าไป และอย่างที่ 3 คือการอำนวยความสะดวกและจัดระบบให้การเคลื่อนย้ายของแรงงานในกลุ่มประเทศอาเซียนทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

“ในระยะยาวคือการทำให้การเคลื่อนย้ายของแรงงานในกลุ่มประเทศอาเซียนสามารถทำได้จริง ในตอนนี้ยังมีความยุ่งยากในการจัดการ มีค่าใช้จ่ายที่แพง จะทำให้การนำเข้าแรงงานจากชาติอื่นๆ เข้ามาในไทยคล่องตัวมากขึ้น หากเกิดสถานการณ์แบบที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้”

อย่างไรก็ตามสิ่งที่อดิสรคิดว่าเป็นไปไม่ได้คือ การ ‘หักดิบ’ ไม่รับแรงงานจากประเทศกัมพูชาเข้ามาทำงานในประเทศไทย เนื่องจากว่าประเทศเรายังมีความต้องการแรงงาน ขณะเดียวกันประเทศกัมพูชามีชายแดนติดกับไทยไม่สามารถแยกขาดจากกันได้

“ความต้องการแรงงานเร่งด่วนของไทยยังคงมี และหากชาวกัมพูชาหลั่งไหลเข้ามาเป็นแรงงานผิดกฎหมายเพิ่มขึ้น ในแง่นี้จะเป็นปัญหาและเกิดผลเสียมากกว่าการที่เขาเดินทางเข้ามาเป็นแรงงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้นผมจึงมองว่า เรายังหนีไม่พ้นกับการใช้งานแรงงานข้ามชาติจากกัมพูชา”

อย่างไรก็ดีความขัดแย้งที่ส่งผลกระทบต่อระบบแรงงาน ลุกลามไปยังระบบเศรษฐกิจของประเทศควรจบด้วยการตกลงเจรจายุติความขัดแย้งโดยเร็ว เพื่อลดปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ในระหว่างที่ความขัดแย้งยังคงดำเนินไป อดิสรมองว่ารัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับแรงงานต้องจับทิศทาง จัดระบบให้ดี กับความต้องการแรงงานในประเทศไทยที่สูงขึ้นจากการขาดแรงงานกัมพูชาไป ซึ่งไม่ใช่แค่การจัดระบบใหม่ เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่เฉพาะปัจจุบัน แต่ต้องมองไปถึงอนาคตหากเกิดสถานการณ์ลักษณะเดียวกันนี้อีก

“ที่สำคัญหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการจัดการระบบแรงงานในประเทศต้องพัฒนาศักยภาพของตัวเองให้มากกว่านี้ เพราะเมื่อดูศักยภาพของกระทรวงแรงงานไทยในวันนี้ ผมก็มองว่า ยังไม่ตอบโจทย์เท่าไร” อดิสรกล่าว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก The Momentum

‘แฟนฟิกชัน’ วัฒนธรรมติ่งสุดแมส ขายจิ้นได้ แต่ห้ามหารายได้จากงาน

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ปราบ ‘ยาเสพติด’ ยุคเพื่อไทย จาก SEAL STOP SAFE ถึง Zero Drugs งานยาก แต่ก็เป็นสิ่งที่ต้องทำ

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

พายุลูกใหม่! อัปเดตเส้นทาง "โพดุล" ไม่มีผลกระทบกับประเทศไทย

TNN ช่อง16

ทร. ส่งเรือหลวงหัวหิน ช่วยระทึก 9 ชีวิตลอยเคว้ง คลื่นซัดเรือประมงล่ม กลางทะเลภูเก็ต

Khaosod

เปิดเหตุผลทำไม “ไม่ควรต่ออายุราชการให้แม่ทัพภาค 2”

สำนักข่าวไทย Online

ชาวพิจิตรเดือดร้อนหนัก วอนขอความช่วยเหลือ หลังแม่น้ำยมท่วมสูง1 เมตร นานเกือบเดือน

สยามนิวส์

ชาวบ้านโอด ทนน้ำท่วมเกือบเดือน ไม่มีใครเข้าช่วย ตอนนี้เดือดร้อนมาก

สยามนิวส์

อัปเดต! พายุโซนร้อนกำลังแรง"โพดุล"วันนี้ 12 ส.ค. 68

ข่าวเวิร์คพอยท์ 23

ทำไมสมัยก่อน ป้ายภาษีรถ ถึงเรียกว่า "ป้ายวงกลม" ?

ประชาชาติธุรกิจ

สามล้อถีบ 3 คันสุดท้าย “ตำนานมีลมหายใจ” แห่งอยุธยา

Manager Online

ข่าวและบทความยอดนิยม

คอนเทนต์ ‘ล่าคนเขมร’ ช่วยสนองความเกลียดชัง แต่ทำชีวิตแรงงานไทยในกัมพูชามีความเสี่ยง

The Momentum

พิชัยเชิญ ‘ทักษิณ’ ร่วมถก แผนรับมือภาษีทรัมป์ ย้ำหลักการ ‘ไทยต้องไม่เสียเปรียบคู่แข่ง’

The Momentum

เส้นตายภาษีทรัมป์ แรงกระแทกใหญ่ต่อเศรษฐกิจไทย

The Momentum
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...