รายงานพิเศษ : TWPC ลุ้นรายได้โต Double Digit โชว์ผลงานครึ่งแรกปี68 กำไรพุ่ง ชู BCG Model เสริมแกร่งธุรกิจ-ชุมชน
ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกรุงศรีระบุว่า อุตสาหกรรมมันสำปะหลังของไทยมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2568–2570 โดยผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุตสาหกรรมจะได้รับแรงสนับสนุนจากความต้องการในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและตลาดส่งออกที่เริ่มฟื้นตัว
แม้ตลาดส่งออกอาจเผชิญแรงกดดันจากนโยบายขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลต่อกำลังซื้อภายใต้ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน แต่คาดว่าปริมาณการส่งออกโดยรวมจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 2.7–4.7% โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม และสารปรุงแต่งที่ยังคงเติบโต โดยเฉพาะในตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดหลัก รวมถึงตลาดรองอย่างอินโดนีเซีย แนวโน้มดังกล่าวสะท้อนถึงความแข็งแกร่งเชิงพื้นฐานของตลาดมันสำปะหลังไทย และตอกย้ำบทบาทความเป็นผู้นำของไทยในเวทีการส่งออกระดับโลก
บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) (TWPC) ภายใต้การบริหารงานของ นาย โฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลัง ผลิตภัณฑ์วุ้นเส้นและเส้นก๋วยเตี๋ยว และผู้นำในภูมิภาคเอเชียด้านส่วนผสมในการประกอบอาหาร ได้มีการบริหารจัดการเชิงรุก มุ่งมั่นพัฒนา ปรับกลยุทธ์ และการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบด้าน เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อได้อย่างต่อเนื่องและเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมลดความเปราะบางต่อความผันผวนของตลาดภายนอก
โชว์ผลงานครึ่งปีแรกไปได้สวย
TWPC รายงานผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทอยู่ที่ 138 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 2,270% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 6 ล้านบาท มีรายได้จากการขายรวมอยู่ที่ 4,600 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 23% หรือเพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อน สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีระบบ ความโดดเด่นของผลประกอบการในธุรกิจแป้งและธุรกิจอาหารเกิดจากการดำเนินกลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพ การขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และการพัฒนาพอร์ตโฟลิโอสินค้าที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดส่งออก ซึ่งช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในภาพรวม
ชูกลยุทธ์เพิ่มยอดขาย – เจาะฐานลูกค้ากลุ่ม Gen Z
ทั้งนี้ TWPC ยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจอาหาร ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ ด้วยแผนการขยายช่องทางการขายอย่างต่อเนื่อง ผ่านการพัฒนาสินค้าใหม่ที่หลากหลาย โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป (Ready-to-eat) ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ ควบคู่ไปกับการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย บริษัทฯ ยังเดินหน้ากลยุทธ์การตลาดเชิงเจาะจง เพื่อเสริมสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Visibility) และเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Gen Z ที่ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายและการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่าย ด้วยแนวทางดังกล่าว TWPC เชื่อมั่นว่าธุรกิจอาหารจะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้ในระดับสองหลักได้อย่างมั่นคงในอนาคต
เปิดกลยุทธ์ธุรกิจช่วงครึ่งปีหลัง
แม้ในไตรมาส 3 ธุรกิจแป้งมันสำปะหลังจะเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่นตามวัฏจักรของอุตสาหกรรม เนื่องจากเป็นฤดูฝนซึ่งส่งผลให้ปริมาณวัตถุดิบลดลง และจะเริ่มฟื้นตัวอีกครั้งในไตรมาส 4 แต่ TWPC ได้เตรียมแผนกลยุทธ์บริหารความเสี่ยงด้านวัตถุดิบอย่างเป็นระบบ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากความผันผวนของต้นทุน พร้อมกับมุ่งเน้นการขับเคลื่อนธุรกิจอาหารที่มีศักยภาพสูง เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย TWPC เชื่อมั่นว่าการดำเนินธุรกิจในปี 2568 จะสามารถพลิกฟื้นกลับมาเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยคาดว่าจะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้ในระดับ Double Digit ได้สำเร็จ และกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
ปัจจุบัน TWPC มุ่งมั่นขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืนในฐานะผู้นำอุตสาหกรรม โดยดำเนินงานภายใต้ 4 เสาหลักเชิงกลยุทธ์ ได้แก่ การพัฒนาศักยภาพเกษตรกร, การสร้างโรงงานสีเขียว, การดูแลสวัสดิการครอบครัวพนักงาน และการยกระดับคุณภาพอาหาร รวมทั้งให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างจริงจัง โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้ได้ถึง 50% และบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2573 มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2593 เพื่อร่วมสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับทั้งองค์กรและสังคมโดยรวม
TWPC ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง โดยได้ริเริ่ม “Thai Wah Model” เพื่อขับเคลื่อนแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG) สู่ชุมชนชนบทอย่างเป็นรูปธรรมโมเดลนี้สะท้อนถึงการบูรณาการเกษตรกรรมอย่างยั่งยืนเข้ากับหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน พร้อมเสริมพลังให้กับชุมชนในการสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล โดยบริษัทฯ ถ่ายทอดองค์ความรู้และเสริมศักยภาพให้แก่เกษตรกรและองค์กรท้องถิ่น เพื่อให้สามารถนำแนวทาง BCG ไปประยุกต์ใช้ได้จริง เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตควบคู่กับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่สู่คนรุ่นต่อไป สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ในการ “สรรค์สร้างนวัตกรรมและความยั่งยืนจากไร่สู่ผู้บริโภค” อย่างแท้จริง