โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

ทริสฯ คงอันดับเครดิตองค์กร "ACE” ที่ “BBB+” แนวโน้ม “Stable”

ทันหุ้น

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

#ทันหุ้น – ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่”

.

โดยอันดับเครดิตมีปัจจัยสนับสนุนจากกระแสเงินสดที่มั่นคงจากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับหน่วยงานด้านการไฟฟ้าของภาครัฐ รวมถึงประวัติในการดำเนินงานโรงไฟฟ้าที่แข็งแกร่งของบริษัท อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้นของบริษัทซึ่งเกิดจากแผนการลงทุนขนาดใหญ่ นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความเสี่ยงในการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ที่อยู่ในแผนอีกด้วย

.

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

.

กระแสเงินสดที่มั่นคงจากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว

.

อันดับเครดิตของบริษัทมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดอย่างสม่ำเสมอซึ่งมีพื้นฐานมาจากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับหน่วยงานในภาครัฐ โดย ณ เดือนมีนาคม 2568 บริษัทดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมดจำนวน 33 โครงการโดยมีกำลังการผลิตสุทธิรวม 342 เมกะวัตต์เมื่อคิดตามสัดส่วนการถือครองในโรงไฟฟ้าแต่ละแห่ง

.

สินทรัพย์โรงไฟฟ้าส่วนใหญ่ของบริษัทมีสัญญาซื้อขายระยะยาวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ “AAA/Stable” ทำให้บริษัทมีความเสี่ยงจากคู่สัญญาในระดับที่ต่ำ ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าชีวมวลของบริษัทจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ กฟภ. โดยได้รับอัตราค่าไฟฟ้าที่ประกอบด้วยอัตราคงที่ อัตราที่เชื่อมโยงกับดัชนีเงินเฟ้อ และอัตราส่วนเพิ่มพิเศษ อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนเพิ่มพิเศษนี้ได้ทยอยหมดอายุลงแล้วสำหรับโรงไฟฟ้าส่วนใหญ่เหล่านี้

.

สำหรับโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (Cogeneration) ของบริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะเวลา 25 ปีกับ กฟผ. ที่จำนวน 90 เมกะวัตต์โดย กฟผ. มีข้อผูกพันในการเรียกจ่ายไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 80% ของกำลังการผลิตตามสัญญาโดยขึ้นอยู่กับเวลาเดินเครื่อง สัญญาดังกล่าวยังมีเงื่อนไขแบบ “Take-or-Pay” (รับหรือไม่รับก็ต้องจ่าย) และการปรับอัตราค่าไฟฟ้าตามราคาพลังงานและอัตราแลกเปลี่ยนอีกด้วย ซึ่งเงื่อนไขดังกล่าวช่วยป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอุปสงค์และต้นทุนเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

.

ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง

.

นอกเหนือจากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ดีแล้ว กระแสเงินสดที่มั่นคงของบริษัทยังเกิดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของโรงไฟฟ้าต่าง ๆ ของบริษัทอีกด้วย โดยโรงไฟฟ้าชีวมวลส่วนใหญ่ของบริษัทมีค่าความพร้อมเฉลี่ยอยู่ในระดับสูงราว 88%-99% และมีอัตราการจ่ายไฟฟ้าเฉลี่ยสูงกว่า 95% ในขณะที่โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมก็มีผลการดำเนินงานที่น่าเชื่อถือโดยมีค่าความพร้อมเฉลี่ยเกินกว่า 95% และมีอัตราค่าความร้อนดีกว่าเกณฑ์ที่ระดับ 7,950 บีทียูต่อหน่วยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าขยะชุมชน 2 แห่งของบริษัทก็มีผลการดำเนินงานที่วางใจได้แม้จะมีการหยุดซ่อมบำรุงนอกแผนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็ตาม

.

ความเสี่ยงด้านเชื้อเพลิงชีวมวล

.

โรงไฟฟ้าชีวมวลของบริษัทยังคงเผชิญกับความเสี่ยงในด้านการจัดหาเชื้อเพลิงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเชื้อเพลิงพื้นฐานที่ใช้ เช่น เปลือกไม้และไม้สับนั้นมีปริมาณจำกัดซึ่งเป็นไปตามฤดูกาลและมีการแข่งขันจากอุตสาหกรรมอื่น ๆ สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เชื้อเพลิงชีวมวลมีความไม่แน่นอนซึ่งส่งผลทำให้ต้นทุนเชื้อเพลิงมีความผันผวน

.

ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 ต้นทุนเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อหน่วยไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าชีวมวลของบริษัทขายนั้นเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าโดยมีสาเหตุหลักมาจากราคาเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ปรับตัวสูงขึ้น

.

บริษัทได้ดำเนินกลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นการตั้งโรงไฟฟ้าให้ใกล้กับแหล่งเชื้อเพลิงเพื่อลดต้นทุนค่าขนส่งและให้มีเชื้อเพลิงที่สม่ำเสมอ รวมถึงการออกแบบโรงไฟฟ้าเพื่อให้รองรับเชื้อเพลิงได้หลากหลายประเภท นอกจากนี้ บริษัทยังทำสัญญาจัดหาเชื้อเพลิงระยะยาวกับบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน ตลอดจนทำการสำรวจแหล่งเชื้อเพลิงใหม่ ๆ เพื่อสร้างความมั่นคงในด้านเชื้อเพลิงและมีต้นทุนที่คุ้มค่า

.

มีการเติบโตอย่างมากจากการลงทุนในโครงการใหม่ ๆ ตามแผน

.

ในปี 2567 บริษัทประสบความสำเร็จในการเปิดดำเนินการโรงไฟฟ้าไฮบริดและโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์หลายแห่งได้ในเชิงพาณิชย์ตามกรอบระยะเวลาที่วางแผนไว้ ปัจจุบันบริษัทมีความก้าวหน้าในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนจำนวนมากโดยโครงการทั้งหมดมีกำหนดเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในปี 2573 ทั้งนี้ ประมาณการกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งสำหรับปี 2568-2571 คาดว่าบริษัทจะพัฒนาโรงไฟฟ้าชีวมวลจำนวน 9 แห่ง โรงไฟฟ้าขยะชุมชน 2 แห่ง และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อีกหลายโครงการ การพัฒนาเหล่านี้มีความสำคัญต่อรายได้ในอนาคตของบริษัทโดยคาดว่ากำลังการผลิตไฟฟ้ารวมจะเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 620 เมกะวัตต์เมื่อทุกโครงการเปิดดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบ

.

อย่างไรก็ตาม บริษัทต้องเผชิญกับความเสี่ยงในการดำเนินงานจากการบริหารจัดการหลาย ๆ โครงการพร้อม ๆ กันไม่ว่าจะเป็นความล่าช้าในการก่อสร้าง งบประมาณที่บานปลาย และความท้าทายในการดำเนินงาน นอกจากนี้ บริษัทยังมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับความเสี่ยงด้านวัตถุดิบชีวมวลที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์ในการพัฒนาและดำเนินงานโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลของบริษัทที่สั่งสมมานานน่าจะช่วยลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องเหล่านี้ลงได้

.

ภาระหนี้ที่จะเพิ่มสูงขึ้น

.

ประมาณการกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 1.43 หมื่นล้านบาทในช่วงระหว่างปี 2568-2571 โดยเงินลงทุนส่วนใหญ่จะถูกจัดสรรไปใช้ในโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าขยะชุมชน การขยายการลงทุนดังกล่าวจะทำให้หนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดที่ 1.69 หมื่นล้านบาทในปี 2569 จาก 7.2 พันล้านบาทในปี 2567

.

ทริสเรทติ้งคาดว่า EBITDA ของบริษัทจะยังคงทรงตัวอยู่ในช่วง 2-2.2 พันล้านบาทต่อปีในระยะเริ่มต้นของการลงทุนในช่วงปี 2568 และปี 2569 และเนื่องจากทริสเรทติ้งคาดว่าโครงการใหม่ ๆ จะเริ่มเปิดดำเนินการตั้งแต่ช่วงปลายปี 2569 จนถึงปี 2570 EBITDA ของบริษัทจึงคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.5-3.9 พันล้านบาทต่อปีในช่วงระหว่างปี 2570-2571 ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA จะเพิ่มขึ้นเป็น 7.5 เท่าในปี 2569 จาก 3.5 เท่าในปี 2567 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนนี้คาดว่าจะลดลงอย่างรวดเร็วเหลือประมาณ 5 เท่าในปี 2570 และ 4 เท่าในปี 2571 จากการสร้างกระแสเงินสดเพิ่มเติมจากโครงการใหม่ ๆ ที่เริ่มเปิดดำเนินการ นอกจากนี้ อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะสูงกว่า 40% ตลอดช่วงระยะประมาณการ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งประเมินว่าตัวชี้วัดเครดิตของบริษัทที่คาดการณ์ไว้ตลอดช่วงการลงทุนยังคงสอดคล้องกับอันดับเครดิตในปัจจุบัน โดยการเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินถือเป็นภาวะชั่วคราว

.

สถานะสภาพคล่องอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้

.

ทริสเรทติ้งประเมินว่าสถานะสภาพคล่องของบริษัทอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ ทั้งนี้ ณ เดือนมิถุนายน 2568 บริษัทมีเงินสดคงเหลือประมาณ 0.8 พันล้านบาท ส่วนในช่วง 12 เดือนข้างหน้าทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานที่จำนวนประมาณ 1.6 พันล้านบาท ซึ่งแหล่งเงินทุนดังกล่าวน่าจะเพียงพอสำหรับการชำระหนี้ที่จะครบกำหนดในช่วง 12 เดือนข้างหน้าซึ่งมีจำนวนประมาณ 1.3 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนลงทุนในโครงการที่มีความแน่นอนแล้วคิดเป็นจำนวนประมาณ 6.3 พันล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกัน ด้วยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและความเป็นไปได้ของโครงการเหล่านี้ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะสามารถจัดหาเงินทุนที่จำเป็นโดยผ่านการกู้ยืมในรูปเงินกู้สินเชื่อโครงการได้

.

โครงสร้างหนี้

.

ณ เดือนมิถุนายน 2568 บริษัทมีภาระหนี้รวมจำนวน 8 พันล้านบาท (ไม่รวมหนี้สินตามสัญญาเช่า) โดยหนี้ส่วนใหญ่เป็นหนี้ของบริษัทย่อยซึ่งถือเป็นหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อน โดยอัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินรวมของบริษัทอยู่ที่ระดับ 95% ซึ่งส่งผลทำให้เจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันของบริษัทมีความด้อยสิทธิกว่าเจ้าหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนอย่างมีนัยสำคัญเมื่อพิจารณาจากสิทธิเรียกร้องในสินทรัพย์ของบริษัท

.

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

.

สมมติฐานสำคัญ ๆ ภายใต้ประมาณการกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งสำหรับการดำเนินงานของบริษัทในช่วงระหว่างปี 2568-2571 ประกอบด้วย

.

• ค่าดัชนีความพร้อมเฉลี่ย

 โรงไฟฟ้าชีวมวล ~ 94%

 โรงไฟฟ้าขยะชุมชน ~ 91%

 โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม ~ 97%

• อัตราการจำหน่ายไฟฟ้าเฉลี่ย

 โรงไฟฟ้าชีวมวล ~ 97%

 โรงไฟฟ้าขยะชุมชน ~ 97%

 โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม ~ 80%

• อัตราความสามารถในการผลิตไฟฟ้าสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จะอยู่ที่ประมาณ 14%

• ค่าใช้จ่ายลงทุนรวมจะอยู่ที่จำนวน 1.43 หมื่นล้านบาท

• บริษัทจะได้รับสินเชื่อเงินกู้โครงการสำหรับโครงการใหม่ทั้งหมด

.

แนวโน้มอันดับเครดิต

.

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าโรงไฟฟ้าที่ดำเนินงานอยู่ในปัจจุบันของบริษัทจะยังคงมีผลการดำเนินงานที่มั่นคงและสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างแข็งแกร่ง ในขณะเดียวกัน การใช้เงินลงทุนของบริษัทจะเป็นไปตามสมมติฐานที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะสามารถพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ๆ ได้สำเร็จและสามารถเปิดดำเนินการในเชิงพาณิชย์ได้ตามกรอบเวลาและงบประมาณที่กำหนดไว้

.

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

.

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตน่าจะยังไม่เกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้เมื่อพิจารณาจากภาระการลงทุนจำนวนมากและความเสี่ยงในการพัฒนาโครงการของบริษัท อย่างไรก็ตาม การปรับเพิ่มอันดับเครดิตอาจได้รับการพิจารณาหากบริษัทสามารถแสดงให้เห็นถึงการปรับตัวที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของกระแสเงินสดพร้อมกับการลดภาระหนี้โดยรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 4 เท่าได้อย่างต่อเนื่อง

.

ในทางกลับกัน การปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นหากผลการดำเนินงานของบริษัทต่ำกว่าที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้อย่างมีนัยสำคัญ หรือหากบริษัทดำเนินกลยุทธ์การขยายธุรกิจโดยใช้เงินกู้ในระดับที่สูงขึ้น หรือบริษัทไม่สามารถปฏิบัติตามข้อผูกพันที่เกี่ยวข้องกับโครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ซึ่งส่งผลให้สถานะทางธุรกิจหรือการเงินของบริษัทอ่อนแอลง โดยทริสเรทติ้งจะพิจารณาปรับลดอันดับเครดิตลงหากอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัทเพิ่มขึ้นเกินกว่า 6 เท่าโดยไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนว่าจะสามารถปรับลดลงได้

.

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

.

– เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 15 กรกฎาคม 2565

– อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565

.

บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) (ACE)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB+ แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ทันหุ้น

กพช.ไฟเขียวแผนขยายอายุโรงไฟฟ้าน้ำพอง-แม่เมาะ หวังลดต้นทุน ลดภาระค่าไฟประชาชน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

แวะเติมก่อนกลับ พรุ่งนี้ปตท.-บางจากขึ้นเบนซิน -แก๊สโซฮอล์ 0.40 บาท/ลิตร

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความหุ้น การลงทุนอื่น ๆ

นำร่อง ‘คริปโต’ ชำระสินค้า ดึงต่างชาติใช้จ่าย 1.75 แสนล้าน

ประชาชาติธุรกิจ

Intel ยักษ์ตื่นหรือแค่ละเมอชั่วคราว ?

Stock2morrow

บาททรงตัว ตลาดจับตาการประชุมที่แจ็กสัน โฮล

ประชาชาติธุรกิจ

ดัชนีกองทุนเทรเชอริสต์ รายสัปดาห์ ( ข้อมูล ณ ศุกร์ที่ 15 ส.ค. 68 เทียบกับ ศุกร์ที่ 8 ส.ค. 68 )

เทรเชอริสต์

กพช.ไฟเขียวแผนขยายอายุโรงไฟฟ้าน้ำพอง-แม่เมาะ หวังลดต้นทุน ลดภาระค่าไฟประชาชน

ทันหุ้น

ก.ล.ต.ฟ้องแพ่ง 13 รายปั่นหุ้น MAX-EIC-NEWS รวม 202 ลบ.พร้อมดบ.หลังไม่รับโทษชำระค่าปรับ

กรุงเทพธุรกิจ

แวะเติมก่อนกลับ พรุ่งนี้ปตท.-บางจากขึ้นเบนซิน -แก๊สโซฮอล์ 0.40 บาท/ลิตร

ทันหุ้น

ค่าเงินบาท ปิดวันนี้ 21 ส.ค. ที่ 32.61 บาท อ่อนค่าตามทิศทางภูมิภาค

The Bangkok Insight

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...