‘ผบช.ภ.1’ สอบปากคำ ‘โจรไรเดอร์’ ชิงทอง ไม่เชื่อทำสร้อยหล่นหายระหว่างหนี 33 บาท
จากกรณี ตำรวจติดตามจับกุม นายวีรวัฒน์ (สงวนนามสกุล) หรือ อาร์ม อายุ 31 ปี โจรไรเดอร์ ที่ก่อเหตุชิงทรัพย์ทองรูปพรรณ 49 เส้น รวม 123 บาทมูลค่ากว่า 6 ล้านบาทเอาไว้ได้แล้ว โดยพบว่าผู้ก่อเหตุนำทองไปซ่อนไว้ในตู้ลำโพงและต้นไม้บริเวณบ้านพัก พื้นที่หมู่ที่ 4 ต.บ้านระกาศ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ทั้งยังจับกุม นายอิทธิ์พงษ์ (สงวนนามสกุล) หรือ มด อายุ 28 ปี ญาติผู้น้องที่ร่วมช่วยเหลือพา นายอาร์ม หลบหนี ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
หนีไม่รอด บุกบ้านจับโจรไรเดอร์ ควงปืนบุกเดี่ยวชิงทอง 5 นาทีกวาด 6 ล้านบาท
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 20 ส.ค. พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 ได้เข้าสอบปากคำ นายวีรวัฒน์ ด้วยตนเอง โดยผู้ก่อเหตุอ้างว่ามีความจำเป็นต้องใช้เงิน เนื่องจากตนเองติดหนี้นอกระบะหลายแสนบาท เป็นหนี้นอกระบบที่ยืมมาลงทุนเปิดอู่ซ่อมรถ และต้องเสียดอกเบี้ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นบาท จึงคิดวางแผนในการก่อเหตุ
โดยใช้เวลากว่าสัปดาห์ในการวางแผน ตั้งแต่การจัดการเสื่อผ้าหมวกกันน็อก การนำรถจักรยานยนต์มาพ่นสีใหม่ การปลอมตัวต่าง ๆ รวมถึง การวางแผนในการหลบหนี มีการสำรวจ เส้นทางและจุดที่ต้องนำเอารถจักรยานยนต์ไปทิ้งน้ำ โดยมีการชักชวนรุ่นน้องที่เป็นญาติการใช้เรือร่องสำรวจเส้นทางและมาร์คตำแหน่งจุดนัดพบทางเรือ เลือกจุดและเส้นทางทางเรือที่ไม่มีกล้องวงจรปิดและบ้านคนเพื่อยากต่อการติดตามของตำรวจ
อีกทั้งยังให้รุ่นน้องคือ นายมด ขับเรือมาจอดรถรับยังใต้สะพานข้ามคลองเพื่อหลบหนีกลับบ้านพัก ซึ่งบ้านพักอยู่ห่างจากคลองเพียงร้อยกว่าเมตร หลังจากที่ได้ทองกลับมาถึงบ้าน จึงแบ่งทองซุกซ่อนสองจุด คือในตู้ลำโพง และข้างต้นไม้หลังบ้าน ส่วนที่เลือกร้านทองแห่งนี้ เพราะตนเองเคยเข้ามาซื้อสินค้าภายในห้างและมองว่าร้านทองไม่มีลูกกรงในการป้องกันและง่ายต่อการก่อเหตุ จึงเลือกร้านทองแห่งนี้
ส่วนทองที่หายไป คาดว่าหายในช่วงที่ตนเองขับรถพุ่งลงคลอง และลากรถจากกลางคลองมาซ่อนใกล้ตอมอสะพาน ซึ่งช่วงนั้นทองทั้งหมดใส่ไว้ในกระเป๋าสะพายและไม่ทันได้รูปซิปปิดปากกระเป๋า คาดว่าจะหล่นในช่วงที่ตนเองนำทองและเสื้อผ้ารวมถึงหมวกกันน็อกยัดใส่กระสอบที่เตรียมมา ซึ่งในระหว่างเส้นทางในคลองที่หลบหนี จะมีช่วงหนึ่งที่ห่างจากจุดทิ้งรถ ตนเองได้ดึงเอาปืนและเสื้อผ้าออกจากกระสอบเพื่อโยนทิ้งน้ำ ซึ่งตอนนั้นสังเกตว่ามีทองเกี่ยวตัวปืนตกไปด้วย
หลังสอบปากคำแล้งเสร็จ พล.ต.ท.สุรพล กล่าวว่า ต้องขอชื่นชมตำรวจชุดจับกุมที่มีความมุมานะพยายาม จนสามารถแกะรอยคนร้ายรายนี้ได้ แต่ในส่วนทองที่ยังหาไม่พบนั้น จากคำให้การของผู้ก่อเหตุที่อ้างว่า ทำหล่นในช่วงที่หลบหนี รวมน้ำหนักที่ยังหาทองไม่พบกว่า 33 บาท ซึ่งตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การดังกล่าว ซึ่งจะต้องสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมต่อไปอีก
เบื้องต้น แจ้งข้อหา "…ร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีอาวุธ , โดยขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย ,โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม หรือร่วมกันรับของโจร และมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร.." คุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการทางกฎหมายต่อไป.