อิ๊งค์ชิลเที่ยวห้าง/พท.ย้ำรอด
"กลุ่ม 36 สว." ตอกฝาโลง "แพทองธาร" ยื่นแถลงการณ์ปิดคดีให้ศาล รธน. ขยี้จุดตายเดิมฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง “เศรษฐา” ชวน “อิ๊งค์” ดื่มกาแฟ บังเอิญเจอกันที่พารากอน "พท." ย้ำนายกฯ ไม่ลาออกแน่ ลูกพรรคมั่นใจ ชี้กรณีคำตัดสินเป็นลบ "ชัยเกษม" เท่านั้น ปัด "บิ๊กตู่-เสี่ยหนู" ยันไว้ใจพรรคร่วมรัฐบาลไม่โหวตตลบหลัง "จิรายุ" เคลียร์ดรามา "นั่งลงลูก"
เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่าน X พร้อมภาพที่ถ่ายร่วมกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.วัฒนธรรม, นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามีนายกฯ และ น.ส.ชนัญดา ทวีสิน บุตรสาวนายเศรษฐา โดยระบุว่า "เจอกันโดยบังเอิญที่สยามพารากอน เลยชวนท่านนายกฯ มาดื่มกาแฟที่ Beans ผมเลยถือโอกาสทานเครื่องดื่มยอดนิยม best selling…. Dirty"
ด้านนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธาน สส.พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แกนนำพรรคเพื่อไทย เชื่อมั่นจะมีข่าวดีกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยถอดถอน น.ส.แพทองธารในวันที่ 29 ส.ค.ว่า พรรคยังเชื่อมั่นว่าเป็นไปตามนั้น สส.เพื่อไทยทุกคนมั่นใจนายกฯ ไม่ได้ทำผิดในคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ไม่มีเจตนาร้ายต่อประเทศ ไม่ได้อยากให้ไทยรบกับกัมพูชา
"สส.ของพรรคยืนยันว่านายกฯ จะไม่ลาออกจากตำแหน่งก่อนถึงวันตัดสินคดี ไม่ได้ทำผิดจะลาออกทำไม สส.พร้อมให้กำลังใจนายกฯ และเชื่อว่ายังมีศักยภาพเพียงพอที่จะทำงานต่อได้ แต่มีคนปล่อยข่าวมาตลอด เป็นจินตนาการของฝ่ายตรงข้าม" นายวิสุทธิ์ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรค พท.เตรียมรับมืออย่างไร หากผลคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญออกมาทางลบ นายกฯ ต้องหลุดจากตำแหน่ง นายวิสุทธิ์ตอบว่า กรณีนั้นค่อยมาว่ากันอีกครั้งเมื่อถึงเวลา เรายังเชื่อมั่นนายกฯ ไม่มีความผิด
เมื่อถามว่า หากผลคำวินิจฉัยเป็นทางลบ แคนดิเดตนายกฯ ที่จะถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ คนใหม่ ต้องเป็นชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ จากพรรค พท.คนเดียวใช่หรือไม่นั้น นายวิสุทธิ์ระบุว่า แน่นอนต้องเป็นชื่อนายชัยเกษม ไม่มีเปลี่ยนเป็นคนอื่น ส่วนกระแสข่าวที่มีชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ หรือนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ด้วยนั้น จะเอาชื่อคนอื่นมาทำไม เป็นเรื่องไร้สาระ ใครไม่ชอบนายกฯ มักออกมาพูดแบบนี้ ไม่เคยคิดบวก
เมื่อถามย้ำว่า ยังไว้ใจพรรคร่วมรัฐบาลได้ใช้หรือไม่ว่าจะไม่ตลบหลังไปสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ คนอื่นที่ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ไว้ใจได้ มั่นใจไม่มีการตลบหลังพรรค พท. ที่ผ่านมาพรรคร่วมรัฐบาลก็โหวตลงมติทุกเรื่องไปในทิศทางเดียวกันตลอด อย่างการลงมติงบประมาณรายจ่ายปี 2569 เสียงโหวตรัฐบาลก็ไปทางเดียวกัน ไม่มีปัญหา แม้รัฐบาลจะมีเสียงปริ่มน้ำ ก็ไว้ใจกันได้ คอยประคองกันไป
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีการบิดเบือนคำพูดในวันสืบพยานของนายกฯ โดยหลังจาก น.ส.แพทองธารกล่าวคำสาบานตนแล้วตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งได้กล่าวคำว่า “นั่งลงครับ” แต่กลับมีกระบวนการนำไปบิดเบือนและตกแต่งเสียงเป็นพูดว่า “นั่งลงลูก” ว่า เป็นการบิดเบือน ขณะเดียวกันยังพบว่านายชวน หลีกภัย อดีตประธานรัฐสภา ได้สัมภาษณ์ให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวหลายประเด็น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่านายชวนอาจยังไม่ได้ฟังคลิปเต็มๆ จริงๆ ในวันดังกล่าว หรือไม่อาจจะได้ฟังจากคลิปที่ถูกบิดเบือนและตกแต่ง ซึ่งความเป็นจริงการบันทึกเสียงทั้งหมดหรือการกล่าวบนบัลลังก์ คนที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาได้ยินตรงกันว่านั่งลงครับทั้งสิ้น
“ในฐานะเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ ติดตามการทำงานกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่มีเหตุผลใดๆ ในกระบวนการยุติธรรมที่จะใช้คำพูดในลักษณะเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นศาลไหนก็ตาม”
ขณะที่ พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และประธานคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ ในฐานะผู้ร้องหลักในคำร้องคดีที่กลุ่ม 36 สว.เข้าชื่อกันยื่นถอดถอน น.ส.แพทองธารระบุว่า ในวันจันทร์ที่ 25 ส.ค. กลุ่ม 36 สว. ในฐานะผู้ร้อง จะส่งเอกสารคำแถลงการณ์ปิดคดีในคดีดังกล่าวต่อสำนักงานเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญตามกำหนดเวลาที่ศาลแจ้งไว้ โดยเนื้อหาหลักๆ ในคำแถลงการณ์ปิดคดี จะอิงเนื้อหาในเอกสารคำร้องที่เคยยื่นต่อศาลก่อนหน้านี้ และจะเพิ่มเนื้อหาบางส่วนจากที่ตนเองและคณะได้ไปร่วมฟังการไต่สวนคดีของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 21 ส.ค. เข้ามาด้วยตามเหตุตามผล แต่เนื้อหาจะคล้ายกับตัวคำร้องที่ยื่นถอดถอนนายกฯ
เมื่อถามถึงกระแสข่าวการล็อบบี้ต่างๆ จนอาจทำให้ น.ส.แพทองธารไม่หลุดจากนายกฯ นั้น พล.อ.สวัสดิ์กล่าวว่า เราต้องมั่นใจในศาลรัฐธรรมนูญที่จะมีความยุติธรรม ทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจนอยู่แล้ว สว.มั่นใจในคดีนี้ แต่พร้อมยอมรับผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่จะลงมติออกมา
สำหรับคำร้องของ 36 สว.ที่ส่งถึงศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้มีคำวินิจฉัยใน 2 ประเด็น คือ 1.ให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้อง (น.ส.แพทองธาร) สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) และ 2.ให้มีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
นอกจากนี้ กลุ่มผู้ร้องยังได้แจ้งต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า กลุ่มผู้ร้องมอบหมายให้ พล.อ.สวัสดิ์ เป็นผู้มีอำนาจยื่นคำร้องเพิ่มเติมขอแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องหรือคำร้องเพิ่มเติมยื่นบัญชีระบุพยานต่างๆ ยื่นคำร้อง คำแถลงการณ์เปิดและปิดคดี คำแถลงคำชี้แจงให้การให้ถ้อยคำหรือให้ถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นและเบิกความต่อศาล ดำเนินกระบวนพิจารณา หรือดำเนินการใดๆ ทั้งปวงแทนคณะสมาชิกวุฒิสภาทุกคนจนเสร็จการ
ด้านนายสมชาย แสวงการ อดีต สว. ซึ่งเข้าร่วมฟังการไต่สวนคำร้องคดีถอดถอน น.ส.แพทองธารเมื่อวันที่ 21 ส.ค. ถึงกระแสข่าวมติตุลาการศาล รธน.ที่จะออกมา เช่น 5 ต่อ 4 หรือ 7 ต่อ 2 ว่า เห็นมีตั้งแต่ 9-0, 7-2 และ 5-4 แต่ยังอยู่ฝั่งว่านายกฯ จะไม่ผ่าน แต่ตอนนี้มีการปล่อยข่าวลือเรื่องมติ 5-4 โดยอิงจากการขยายเวลายื่นเอกสารคำชี้แจง และบังเอิญไปใกล้เคียงกับมติ 5-4 ในคดีนายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งไม่เชื่อ เพราะความผิดของ นายกฯ แพทองธารหนักกว่าของนายเศรษฐา
นายสมชายกล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมามีส่วนร่วมคดีอดีตนายกฯ ที่ศาล รธน.หลายคดี เช่น คดีนายสมัคร สุนทรเวช คดีชิมไปบ่นไปและถือหุ้นสื่อ คดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร การย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี จากเลขาธิการ สมช. เพื่อเอื้อประโยชน์เครือญาติ และนายคดีเศรษฐา ซึ่งทั้ง 3 คดีข้างต้นรวมกันแล้วความผิดยังไม่เท่าคดี น.ส.แพทองธาร เพราะคลิป 17 นาทีเป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศชาติ 100%
เมื่อถามว่า หาก น.ส.แพทองธารไม่รอด โดนเรื่องไม่ซื่อสัตย์สุจริต ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ความผิดอยู่ตรงไหน นายสมชายกล่าวว่า ต้องกลับไปดูว่าการไม่ซื่อสัตย์สุจริต กับการประพฤติผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงคือประมวลจริยธรรมข้าราชการการเมือง ตั้งแต่เรื่องการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งนำความลับทางราชการไปบอกฮุน เซน ที่ไม่ใช่นายกฯ กัมพูชา การเจรจากับนายเคลียง ฮวด ที่โรงแรม ความลับราชการก็รั่วไหลไปเยอะ และเสียอธิปไตยก็เห็นแล้ว มีการยิงจรวดใส่ประเทศไทยจนเกิดการสู้รบ ทำให้เสียอธิปไตยปราสาทตาควายบางส่วนไป
ถามต่อไปว่า หากว่านายกฯ แพทองธารรอด แล้วบริหารประเทศต่อไป นายสมชายระบุว่า ประเทศไม่รอด อันนี้ไม่ได้พูดในฐานะที่ไปร่วมชุมนุมอย่างเดียว แต่เห็นบรรยากาศแค่วันที่คลิปหลุด ขนาดผ่านไปสิบวันที่มีการนัดชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ วันที่ 28 มิ.ย. คนมาร่วมชุมนุมเกือบแสน คลิปนี้ประชาชนได้ฟังกันหมดอยู่แล้ว ถามประชาชนก็ได้ว่าเขาเห็นอย่างไร เชื่อว่าเหมือนกับผลโพลของนิด้าโพลที่ออกมาว่าความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลเหลือ 4% เปอร์เซ็นต์ วันนี้อยู่ได้เพราะกองทัพในการปกป้องอธิปไตย แล้วจะตอบอย่างไร หากแพทองธารไม่ผิดแล้วไม่ออก
“ความผิดจริยธรรมจากเรื่องคลิปชัดเจนมาก ในทางการเมืองต้องยอมรับผิดและน้อมรับลาออกจากตำแหน่ง หากนายกฯ แพทองธารออกแล้วเปลี่ยนมาเป็นใครก็ตาม เชื่อว่าสถานการณ์การสู้รบชายแดนจะพลิกจะดีขึ้น” นายสมชายระบุ.