สงขลา ประมงสงขลาลั่น เดินหน้ารื้อถอน”โพงพาง”ทวงคืนร่องน้ำ 159 ช่อง
สงขลา – สะเดา เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายรื้อถอนเครื่องมือประมงผิดกฎหมาย ในร่องน้ำทะเลสาบสงขลา เพื่อความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย ไม่เว้นการต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ ก็ต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด
8 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังสงหวัดสงขลา มอบหมายให้ นายเจริญ โอมณี ประมงจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยผู้แทนจากทัพเรือภาคที่ 2, กองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจน้ำ, ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 2, กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสงขลา
ลงพื้นที่ เพื่อติดตามสถานการณ์การปฎิบัติการ รื้อถอนอุปกรณ์ประมงผิดกฎหมาย โดยพบว่ามีกลุ่มชาวประมงนำเรือหางยาวมาปิดร่องน้ำและปากอ่าว ทำให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจเนื่องจากเรือพาณิชย์ไม่สามารถสัญจรได้
ด้านประมงจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ตามข้อสั่งการของผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้ให้ความสำคัญของร่องน้ำสาธารณะที่ใช้ประโยชน์ รวมทั้งทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งมีขั้นตอนในการดำเนินการทั้งหมด 7 ขั้นตอน สถานการณ์ปัจจุบันนี้เป็นขั้นตอนที่ 6
ขั้นตอนที่ 1 คือการสร้างการรับรู้ การจัดทำแผนที่ การเจรจาหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกันเรื่องการปรับเปลี่ยนอาชีพ ส่วนขั้นตอนที่ 6 คือ การบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งมีความจำเป็นในการดำเนินการ เนื่องจากเรามีกฎหมายภาคส่วนบังคับใช้ โดยเฉพาะกฎหมายประมง ตามมาตรา 67 ( 1 )ที่กำหนดให้เครืองมือประมง โพงพาง เป็นเครื่องมือที่ผิดกฎหมาย สำหรับขั้นตอนต่อไปคือขั้นตอนที่7 การควบคุมพื้นที่ ดำเนินการให้แล้วเสร็จดังเดิม
โดยกำหนดขอบเขตพื้นที่อยู่ที่ 300 เมตร ความยาว 5.2 กิโลเมตร จำนวนโพงพางทั้งหมด 13 แถว 159 ช่อง สำหรับการดำเนินนโยบายยึดเป้าหมายเป็นหลัก นั่นคือ การทวงคืนร่องน้ำทั้ง 159 ช่อง โดยลดการปะทะกับชาวบ้าน ผู้ประกอบการโพงพางซึ่งเป็นพี่น้องชาวประมง ดังนั้นจึงอยากให้พี่น้องชาวประมงเข้าใจเจตนาของหน่วยงานราชการเพื่อพัฒนาจังหวัดสงขลา ดำเนินการดูแลทรัพยากรทางทะเล การท่องเที่ยวรวมทั้งภาพรวมเศรษฐกิจของจังหวัดสงขลา ทั้งนี้ ภาครัฐได้คำนึงถึงการเจรจาเป็นหลัก โดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา มุ่งเน้นบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์และความเสมอภาค ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวจึงต้องบังคับใช้กฎหมาย
ประมงจังหวัดสงขลา ชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การทวงคืนร่องน้ำทั้ง 159 ช่อง ( หัวพญานาค) เนื่องจากเป็นพื้นที่ร่องน้ำในการเดินเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ ขณะที่พื้นที่อื่นนั้นอยู่ในแผนระยะยาว ซึ่งกำหนดอยู่ในแผนนโยบายประมงแห่งชาติแล้ว เพื่อให้ชาวประมงประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน
“ในส่วนของการเยียวยา ทางภาครัฐได้มีการดูแลพี่น้องชาวประมงที่ทำเครื่องมือโพงพางมาตั้งแต่ในอดีตอยู่แล้ว อาทิ การมอบที่ดิน การส่งเสริมอาชีพเลี้ยงสัตว์นำ เลี้ยงปลากะพง รวมทัง้สนับสนุนในเรืองของปัจจัยอื่นๆ เป็นต้น ซึ่งภาครัฐพยายารมช่วยเหลือ ไม่ได้ทอดทิ้งแต่อย่างใด” นายเจริญ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การใช้พื้นที่สาธารณะ ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง การใช้เพื่อประโยชน์ส่วนบุคคลจึงมิใช่เรื่องยุติธรรม นำมาซึ่งการบังคับใช้กฎหมายในขณะนี้