เจ้าท่าปัตตานี นำกำลัง จับเรือประมงกระทำผิดกฏหมาย ดำเนินคดี
วันที่ 8 สิงหาคม นายอารีฟ สารอเอ็ง ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาปัตตานี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่6 สิงหาคม เวลา15.30 น. ที่ผ่านมา ตนได้มอบหมายงานตรวจการขนส่งทางน้ำ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาปัตตานี เพื่อออกตรวจเรือต้องสงสัยที่ใช้ทะเบียนเรือ อ.มาโนชพานิช15 เลขทะเบียน439400817 ประเภทเรือกลประมงทะเล ชั้น3 ประเภทการใช้งานทำการประมง(ปั่นไฟ) ซึ่งจอดเทียบท่าอยู่บริเวณท่าเรือศิริพงศ์ใหม่ ตำบลบานา อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช2456 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
จากการตรวจสอบพบ เรือ อ.มาโนชพานิช15 เลขทะเบียน439400817 อยู่ในสถานะพร้อมใช้งาน ซึ่งปรากฏว่าในระบบทะเบียนเรือของกรมเจ้าท่า เรือลำดังกล่าว มีสถานะงดใช้เรือเจ้าหน้าที่จึงเชิญเจ้าของเรือผู้ถือกรรมสิทธิ์ ให้เข้าพบเจ้าหน้าที่เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมให้นำเอกสารที่เกี่ยวข้องมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายอารีฟ สารอเอ็ง ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาปัตตานีพร้อม เจ้าหน้าที่ได้ขึ้นตรวจสอบเรือลำดังกล่าว พบว่า1. สภาพเรือภายนอก เรือลำดังกล่าว มีสภาพเรือพร้อมใช้งาน ซึ่งมีสภาพตัวเรือมีการระบุชื่อเรือว่า เรือ อ.มาโนชพานิช15 เลขทะเบียน439400817 บริเวณหัวเรือกราบซ้ายและขวา
2. สภาพอัตลักษณ์และหมายเลขเครื่องเรือลำดังกล่าว มีอัตลักษณ์ให้ตรวจสอบบริเวณเก๋งเรือ โดยแสดงเลขอัตลักษณ์ คือ439400817 ซึ่งตรวจสอบพบว่า เป็นเลขทะเบียนของเรือ อ.มาโนชพานิช15 ที่มีสถานะ มีสถานะงดใช้เรืออยู่
3. ดำเนินการประสานเจ้าของเรือ และผู้ควบคุมเรือ ช่างเครื่องเรือ เพื่อมาบันทึกถ้อยคำ เพื่อชี้แจงข้อกล่าวหาและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป
ทั้งนี้ ได้ตรวจสอบ เรือ อ.มาโนชพานิช15 (ซากเรือ) ที่มีสถานะ มีสถานะงดใช้เรืออยู่
ในระบบล็อคเรือของกรมเจ้าท่า พบว่า อัตลักษณ์ในเก๋งเรือได้ถูกตัดและสูญหายไปพร้อมกับเสากระโดงเรือด้วย และเรือลำดังกล่าว ได้มีซีลล็อคเรือหมายเลข0412367 บริเวณพิกัด6.895478 101.251970 และเรือลำที่นำไปสวมทะเบียน บริเวณบริเวณท่าเรือศิริพงศ์ใหม่
ดังนั้น ได้ดำเนินการประสานเจ้าของเรือ และผู้ควบคุมเรือ/ช่างเครื่องเรือ เพื่อมาบันทึกถ้อยคำ เพื่อชี้แจงข้อกล่าวหาและเปรียบเทียบต่อไป และเห็นควรว่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา139 แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทยพระพุทธศักราช(ฉบับที่ ๑๓) พ.ศ. ๒๕๒๕ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาปัตตานี ในฐานะ“เจ้าท่า” จึงมีคำสั่งห้ามใช้เรือจนกว่าจะดำเนินคดีถึงที่สุด ตลอดจนร้องทุกจ์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปัตตานี และเมื่อดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาปัตตานี จะตรวจสอบและเพิกถอนคำสั่งห้ามใช้เรือต่อไป