“ศิษย์กัมพูชาทุนไทย” แว้งกัด! ดูถูกปริญญาบัตรไทยไร้ค่า “ลั่นไม่เคยได้ความรู้จากเมืองไทย”
เมื่อวันที่ 1 ก.ย. เพจดังอย่าง Army Military Force ได้ออกมาโพสต์เล่าเรื่องราวของชายกัมพูชารายหนึ่ง ซึ่งเคยได้รับทุนเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ จนสามารถสื่อสารภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่ว ขณะศึกษาอยู่ยังมีครูบาอาจารย์เมตตาว่าจ้างให้ช่วยงานเสริม เช่น ซ่อมไฟ เปลี่ยนหลอดนีออนภายในอาคารเรียน ถือเป็นการเปิดโอกาสและมอบความไว้วางใจเต็มที่
แต่เมื่อกลับประเทศบ้านเกิด เขากลับจับปืนเข้าร่วมปะทะกับทหารไทยตามแนวชายแดน แม้รอบแรกยังไม่สิ้นใจ แต่ก็แสดงชัดถึงการเลือกข้างตรงข้ามกับแผ่นดินที่เคยอุปถัมภ์
โดยทางเพจ Army Military Force ระบุว่า
ช่วยไปบอกครูมันด้วยนะ สิ่งที่มันพูดกับครู มันพูดไม่หมด มันสตอว์ครู!!!
ล่าสุดครูมันออกมาดิ้น เข้าไปทักในอินบ็อกซ์ Tiktok ของแฟนเพจว่า "ถ้ายังไม่มีข้อมูลที่ครบถ้วนและถูกต้องแล้วมาโพสต์แบบนี้ มันทำให้คนอื่นเสียหายนะครับ รบกวน กลั่นกรองข้อมูลดีๆ นะครับ"
ล่าสุด i ทหารเขมรมันเข้าไปคอมเมนต์ในช่องของครูมันว่า "อาจารย์เครียดผมแล้วใช่ไหม ยังไงก็ตามผมขอบพระคุณอาจารย์ที่ดูแลตลอดมา ผมแค่ทำตามนาที แต่ไม่ได้ดูถูก ด่าคนไทยเลย ผมแค่บอก" จากนั้นครูมันก็เข้ามาตอบว่า "ผมเข้าใจ"
แต่สิ่ง i ทหารเขมรพูดกับครูมันคือ สตอว์ล้วนๆๆ มันบอกว่า มัน "ไม่ได้ดูถูก ด่าคนไทยเลย" ใช่คุณมรึ.. ไม่ได้ด่าคนไทย แต่มรึ.. ดูถูกการศึกษาไทย แถมพูดไม่หมด จริงๆ มรึ..เลือกที่จะนิ่งเฉยก็ได้นะ แต่ไม่ มรึ..ยังปากดี ทั้งๆ ที่เข้ามาเรียนหนังสือในสุรินทร์ ไทยที่มีบุญคุณต่อมรึ.. แต่มรึ…ไม่ได้คิดแบบนั้น เห็นไหมละ มันพร้อมแว้งกันได้ตลอด นี่แหละเขมร เลี้ยงไม่เชื่อง แล้วที่นี้ยังจะสงสารมันอีกไหม? ยังจะอุ้มชูมันอีกไหม? ยังจะดิ้นเพื่อมันอีกไหม?
ส่วนเรื่องมรึ..จะไปจับปืนสู้กับทหารไทยนั้น แล้วอ้างว่า ทำตามหน้าที่ นั้นก็เรื่องของมรึ.. จะลาออกหรือไม่ลาออก นั้นก็เรื่องของมรึ. แต่เรื่องดูถูกการศึกษาไทย ทั้งๆที่เข้ามาเรียนที่ไทย เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
ย้อนกลับไป เมื่อวันที่ 23 ส.ค. ทหารเขมรรายนี้ มันยังโพสต์แคปชั่น "คำพูดในใจของฉัน" พร้อมแชร์ข้อความคำพูดของสมเด็จฮุน เซน บางช่วงบางตอนที่ระบุว่า "สมองและความรู้ของฉันไม่ได้มาจากปริญญาเดียวหรือโรงเรียนไทย คนกัมพูชาและโรงเรียนกัมพูชา คือครูของฉัน!" เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลัง มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ถอดถอนปริญญาสมเด็จฮุน เซน
ล่าสุดวันนี้ (1 ก.ย.) มันโพสต์ข้อความอ้างอิงคำพูดของฮุน เซน อีกครั้ง คราวนี้ร่ายยาว โดยระบุว่า
"ฉันทิ้งมันไปนานแล้ว มันไม่มีค่าอะไรให้เก็บรักษาไว้เลย!
วันนี้ฉันเห็นสถาบันของไทยอีกแห่งหนึ่งประกาศเพิกถอนประกาศนียบัตรที่มอบให้ฉันไปแล้ว ขอชี้แจงให้ชัดเจนว่า ฉันทิ้งประกาศนียบัตรทั้งสามใบจากสถาบันไทยที่เคยมอบให้ฉันเมื่อนานมาแล้ว ประกาศนียบัตรเหล่านั้นไม่มีค่าสำหรับฉันเลยและไม่คุ้มค่าที่จะเก็บรักษาไว้เลย
ประกาศนียบัตรใบแรกได้รับในปี พ.ศ. 2544 ใบที่สองในปี พ.ศ. 2549 และใบที่สามในปี พ.ศ. 2562 ฉันไม่ได้ภาคภูมิใจในเอกสารเพียงแผ่นเดียวของสถาบันของคุณเลย
สติปัญญาและความรู้ของฉันไม่ได้เกิดจากประกาศนียบัตรหรือโรงเรียนของคุณ แต่เกิดจากคนกัมพูชาและโรงเรียนในกัมพูชาที่ให้การศึกษาแก่ฉัน
ขอชี้แจงให้ชัดเจนว่า หากคุณลองพิจารณาช่วงเวลาที่คุณมอบประกาศนียบัตรเหล่านั้นให้ฉัน (ซึ่งฉันไม่เคยขอจากคุณ) และเปรียบเทียบกับช่วงเวลาที่ฉันรับราชการทหาร จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าประกาศนียบัตรของคุณไม่ได้มีส่วนช่วยใดๆ ต่อความสำเร็จของฉัน
ประกาศนียบัตรเหล่านั้นได้รับหลังจากที่ผมบรรลุเป้าหมายสำคัญดังต่อไปนี้แล้ว:
ในปี พ.ศ. 2522 ตอนอายุ 27 ปี ผมได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในปี พ.ศ. 2524 ตอนอายุ 29 ปี ผมได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในปี พ.ศ. 2528 ตอนอายุ 32 ปี ผมได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี
ผมเชื่อว่าคุณน่าจะรู้สึกละอายใจหากจะกลับไปทบทวนการประเมินคุณสมบัติของคุณเมื่อครั้งที่ผมขอให้ผมรับประกาศนียบัตร ผมจะสั่งการให้สำนักงานของผมเผยแพร่ผลการประเมินของคุณเกี่ยวกับคุณงามความดีของผม เพื่อเป็นการเตือนความจำ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ลืม คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอดีตได้ และขอย้ำเตือนอีกครั้งว่า คุณมาเพื่อมอบประกาศนียบัตรเหล่านั้นพร้อมกับคำยกย่องอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่ในทางกลับกัน การจะรับหรือไม่รับนั้นเป็นการตัดสินใจของผมโดยสิ้นเชิง และผมไม่เคยเป็นคนที่มองข้ามสิ่งต่างๆ อย่างไร้เหตุผล"
ขอบคุณเพจArmy Military Force