ใครด่าแรงเดี๋ยวฟ้อง!ซีอีโอบริษัทโปแลนด์ชี้เด็กช้าเองกรณีฉกหมวกนักเทนนิส (มีคลิป)
ปิโอตอร์ เชซเซเร็ค ประธานบริหารบริษัทแห่งหนึ่งในประเทศโปแลนด์ ตอบโต้คนที่ตำหนิเขาจากการที่เจ้าตัวแย่งหมวกของ คามิล มาจชาซัค นักเทนนิสเพื่อนร่วมชาติไปจากเด็กคนหนึ่ง
เชซเซเร็ค เข้าไปชมเทนนิสแกรนด์สแลม ยูเอส โอเพ่น ประเภทชายเดี่ยว รอบ 2 แมตช์ที่ มาจชาซัค พลิกชนะ คาเรน คาชานอฟ มือ 9 ของรายการ 3-2 เซต ซึ่งหลังจบแมตช์ มาจชาซัค ตั้งใจถอดหมวกเพื่อมอบให้เด็กคนหนึ่ง แต่ว่า เชซเซเร็ค ฉกมันมาต่อหน้าเด็กและเก็บใส่ถุงกลับบ้าน
ตอนแรก มาจชาซัค ไม่รู้ว่ามีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นเพราะเจ้าตัวหันไปแจกลายเซ็นให้คนอื่นพอดีตอนที่มีการฉกหมวก แต่หลังจากนั้น มาจชาซัค พยายามตามหาเด็กคนดังกล่าวเพื่อจะมอบของเป็นที่ระลึกให้กับเขาแทนก่อนที่จะเจอเด็กคนนั้นในที่สุด
ขณะที่ เชซเซเร็ค โดนกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ โดยบริษัทของเขาโดนกระแสรีวิวในแง่ลบอย่างหนัก ขณะที่ระดับคะแนนของบริษัทก็ลดเหลือ 1.4 ดาวจากคะแนนเต็ม 5 ดาวด้วย จนในที่สุดเจ้าตัวออกมาตอบโต้คนที่ตำหนิเขา โดยบอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครเร็วใครได้
เชซเซเร็ค โพสต์ว่า "เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเกมเทนนิสเมื่อไม่นานมานี้มันทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่เหมาะสมในโลกออนไลน์ ทุกอย่างมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับหมวกอันโด่งดัง ใช่ ผมเอามันมา ใช่ ผมคว้ามันมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็เหมือนกับที่ผมพูดอยู่เสมอว่าชีวิตนี้น่ะใครเร็วใครได้"
"ผมเข้าใจดีว่าบางคนอาจจะไม่ชอบใจ แต่ได้โปรดอย่าทำให้แค่หมวกใบเดียวมันเป็นเรื่องเลวร้ายระดับโลกเลย มันเป็นแค่หมวกใบเดียวเท่านั้น ถ้าตอบสนองเร็วกว่านี้เขาก็คงได้หมวกที่ว่าไปแล้ว"
"ส่วนกระแสการแสดงออกแบบเกลียดชังในโลกออนไลน์ ผมขอเตือนความจำพวกคุณหน่อยนะว่าการด่าคนสาธารณะมันเข้าข่ายผิดกฎหมาย ความเห็นเชิงหยาบคาย, ก่นด่า และการพิมพ์สื่อแบบอ้อมๆ ทุกอันจะถูกประเมินเผื่อว่าจะมีการนำความเห็นเหล่านั้นไปฟ้องศาล สุดท้ายนี้ผมขอให้ทุกคนแสดงพฤติกรรมแบบแย่ๆ กันน้อยลง และมีน้ำใจนักกีฬากันมากขึ้นด้วย"
โพสต์ดังกล่าวของ เชซเซเร็ค มีคนเข้าไปพิมพ์ตำหนิอย่างหนัก ซึ่งถึงแม้เขาจะลบโพสต์ของตัวเองทิ้งไปแล้ว แต่มีคนเซฟเอาไว้ได้ทันและนำมาเผยแพร่อย่างกว้างขวาง