นอภ.ท่าแซะ แจ้งความ ‘กำนันดัง-ผู้ใหญ่บ้าน’ โต้เถียงปมรับส่วยรถแบคโฮรุกป่าข้ามแดน
คลิปลับสนทนา ผลประโยชน์ชายแดนไทย-เมียนมา นายอำเภอท่าแซะ แจ้งความ "กำนันคนดัง" กับ "ผู้ใหญ่บ้านหญิง" ผู้ใต้บังคับปัญหา โต้เถียงกล่าวหารับส่วยรถแบ็คโฮรุกป่า ข้ามแดนออกนอกราชาณาจักร
23 กรกฎาคม 2568 - จากกรณี เจ้าหน้าที่ฝ่ายสอบสวนสำนักสอบสวน 4 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ร่วมกับ กอ.รมน.ภาค 4 ลงพื้นที่สอบสวนทางในลับนานกว่า 3 เดือน บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ด้านตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร พบกลุ่มบุคคลมีทั้งผู้มีอิทธิพล เจ้าหน้าที่รัฐ ร่วมกันกระทำความผิดทั้งในราชอาณาจักร และนอกราชอาณาจักรไทย มีทั้งลักลอบขนแรงงานมนุษย์กลุ่มชาติพันธุ์ พืชผลทางการเกษตร ปาล์ม ยางพารา โดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร บุกรุกตัดไม้แผ้วถางทำลายป่าในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และนำรถแบ็คโฮข้ามแดนจากฝั่งไทย ไปขุดปรับสภาพผืนที่บริเวณชายแดนฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ร่วมกับกองกำลังชนกลุ่มน้อย จัดสรรแบ่งขายให้กับคนไทยได้เข้าไปอยู่อาศัยทำการเกษตร จำนวนนับพันไร่ และเป็นที่ซ่องสุมของกลุ่มผู้กระทำผิดกฎหมาย ที่อยู่ในเขตอิทธิพลของกองกำลังนกลุ่มน้อยดังกล่าว
โดยรายงานผลการสืบสวนในทางลับดังกล่าว ร.ต.ต.พงศกร มีพันธุ์ ผอ.ส่วนสอบสวน 4 สำนักสอบสวน 4 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้นำพยานและหลักฐานทั้งหมด ทั้งพยานเอกสาร พยานวัตถุ พยานบุคคล บัญชีเส้นทางการเงิน คลิปเสียงสนทนา ภาพถ่าย คลิปภาพวิดีโอเคลื่อนไหว และอื่นๆอีกหลายรายการ เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.)กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายเป็นที่เรียบแล้วตามข่าวที่ได้นำเสนอมาเป็นระยะๆนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีดังกล่าว โดยเฉพาะหลักฐานคลิปเสียงระหว่าง กันนันคนดังกับผู้ใหญ่บ้านหญิงในพื้นที่ ได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องรถแบ็กโฮ จำนวน 3 คัน ที่เข้าไปขุดสระน้ำ ขุดปรับสภาพพื้นที่ในป่าสงวนแห่งชาติ และลักลอบนำข้ามชายแดนออกไปนอกราชอาณาจักรไทย เพื่อตัดไม้ ขุด ไถ ปรับ สภาพพื้นที่ป่าชายแดนที่อยู่ในเขตอิทธิพลของกองกำลังชนกลุ่มน้อย จำนวนนับพันไร่ และการเคลียร์จ่ายส่วยให้หน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ และในคลิปเสียงกำนันคนดังกล่าวได้พูดถึงเรื่องรแบ็คโฮต้องดูแลนายจ่ายให้นายอำเภอเดือนละ 1 หมื่นบาท และท้ายคลิปเสียงกำนันคนดังกล่าว ไปพอใจผู้ใหญ่บ้านหญิงที่กำลังสนทนาอยู่ ทำนองไม่พอใจเพราะไม่ทำตามที่กำนันสั่ง พร้อมกับด่าให้อวัยวะเพศชายกับผู้ใหญ่บ้านหญิงนั้นด้วย
จากกรณีคลิปเสียงดังกล่าวได้หลุดออกมาทางสื่อโซเชียล กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว และมีการส่งต่อๆกันออกไปในวงกว้าง อย่างแพร่หลาย
ล่าสุดมีรายงานว่าเมื่อวันที่ 8 พ.ค.68 ที่ผ่านมา นายพิสิษฐ์ ฤทธิพิชัยสงคราม นายอำเภอท่าแชะ ได้มอบหมายให้ นายสุจินต์ สว่างศรี อายุ 42 ปี เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.หญิง นันทิยา รักดี สว.(สอบสวน) สภ.ท่าแซะ โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ค.68 เวลาประมาณ 10.00 น. นายพิสิษฐ์ ได้ตรจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2568 ได้ปรากฎข่าวทางสื่อออนไลน์เสียงมวลชน ,สยามโฟกัสไทม์, 4 เหล่าทัพ ,ชุมพรออนไลน์นิวส์, หนังสือแผ่นดินทอง และ THE critics ว่าได้มีการเผยแพร่คลิปเสียงการสนทนาของบุคคล ฝ่ายหนึ่งแทนตัวเองว่ากำนัน ส่วนคู่สนทนาถูกระบุว่าเป็นผู้ใหญ่บ้าน
โดยสาระของคลิปเสียงดังกล่าวมีการโต้เถียงกันเกี่ยวกับการนำรถแบคโฮเข้าไปปรับพื้นที่ที่เกิดเหตุ โดยผู้กล่าวอ้างว่าเป็นกำนัน ระบุว่า ตนเองเป็นผู้จัดการเคลียร์เส้นทางการนำรถแบคโฮข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน และมีการจ่ายเงินให้กับนายอำเภอเดือนละ 10,000 บาท
ซึ่งจากกรณีดังกล่าวนายพิสิษฐ์เชื่อว่าบุคลทั้งสองในคลิปดังกล่าวนั้น เป็นการสนทนากันระหว่าง นายสุนทร น้อยราช กำนันตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ กับนางชฎาวัลย์ ศิริสุทธิโชตน์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 20 (บ้านพันวาล)ตำบลรับร่อ
เนื่องจากทั้งสองคนดังกล่าวเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนายพิสิษฐ์ ทำให้เมื่อนายพิสิษฐ์ฟังเสียงจากคลิปดังกล่าว จึงจำได้ทันทีว่าเป็นเสียงของนายสุนทรและนางชฎาวัลย์ โดยจากบทสนทนาดังกล่าว ทำให้นายพิสิษฐ์ ซึ่งเป็นนายอำเภอท่าแซะ เจ้าของพื้นที่ที่เกิดเหตุ ได้รับความเสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงมอบอำนาจให้ผู้แจ้งมาแจ้งความร้องทุกข์มอบคดีต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับนายสุนทร และนางชฎาวัลย์ หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ในความผิดที่เกี่ยวข้อง ตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
โดย ขณะนี้พนักงานสอบสวน สภ.ท่าแซะ ได้รวบรวมพยานหลักฐาน สรุปสำนวนส่งอัยการหวัดชุมพรแล้ว