สภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณของทรัมป์
สภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณและภาษีครั้งใหญ่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ กฎหมายฉบับนี้ อาจทำสหรัฐฯ ขาดดุลเพิ่ม
วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 - สภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาได้ให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายงบประมาณและภาษีฉบับปฏิรูปครั้งใหญ่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งถือเป็นชัยชนะที่สำคัญและมาจากการต่อสู้ที่ดุเดือดสำหรับประธานาธิบดีและวาระนโยบายในประเทศ
เมื่อช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา หลังจากการประชุมที่เข้มข้นในอาคารรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเห็นชอบร่างกฎหมายดังกล่าวด้วยคะแนนเสียง 218 ต่อ 214 เสียง ขณะที่วุฒิสภาได้ให้การรับรองร่างกฎหมายนี้ไปเมื่อวันอังคารด้วยคะแนนเสียงเฉียดฉิวเพียงหนึ่งเสียง โดยประธานาธิบดีทรัมป์ได้กำหนดเส้นตายให้สภาคองเกรสที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากส่งร่างกฎหมายฉบับสุดท้ายมาให้เขาลงนามเป็นกฎหมายภายในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้
สำนักงานงบประมาณรัฐสภา (Congressional Budget Office) ประมาณการว่าร่างกฎหมายฉบับนี้อาจเพิ่มการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางได้ถึง 3.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 2.4 ล้านล้านปอนด์) ในช่วง 10 ปีข้างหน้า และอาจส่งผลให้ประชาชนหลายล้านคนไม่มีหลักประกันสุขภาพ ซึ่งเป็นข้อคาดการณ์ที่ทำเนียบขาวโต้แย้ง
ประธานาธิบดีทรัมป์ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อช่วงเย็นวันพฤหัสบดีว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้จะเปลี่ยนประเทศนี้ให้เป็นเหมือนจรวด และเสริมว่า จะเป็นกฎหมายที่ยอดเยี่ยมสำหรับประเทศ
คาดว่าทรัมป์จะลงนามในร่างกฎหมายดังกล่าวให้มีผลบังคับใช้ในพิธีช่วงวันหยุดประจำชาติ 4 กรกฎาคม เวลา 17:00 น. ตามเวลา EDT (22:00 น. ตามเวลา BST)
นายไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกันได้ออกมาจากห้องประชุมสภาหลังการลงคะแนนด้วยท่าทีแห่งชัยชนะ โดยกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ความเชื่อมั่นเป็นกุญแจสำคัญในการรวบรวมการสนับสนุนภายในพรรคของเขา
"ผมเชื่อมั่นในผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผมนี้… บางคนก็ทำงานด้วยแล้วสนุกกว่า"
หนึ่งในผู้ที่เขาต้องโน้มน้าวคือ ส.ส. ชิป รอย จากพรรครีพับลิกัน รัฐเท็กซัส ซึ่งเคยคัดค้านร่างกฎหมายฉบับวุฒิสภาอย่างหนักเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ โดยเขาระบุว่าฉบับของวุฒิสภาเป็น "โศกนาฏกรรม" แต่ได้เปลี่ยนใจเมื่อการลงคะแนนเริ่มต้นขึ้น
แม้ว่าสภาผู้แทนราษฎรจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในร่างกฎหมายฉบับวุฒิสภา ส.ส. รอย กล่าวว่า"ผมรู้สึกว่าเราได้ผลลัพธ์ที่ดีในประเด็นสำคัญๆ" ขณะที่ ส.ส. จากพรรคของประธานาธิบดีทรัมป์เพียงสองคนเท่านั้นที่ลงคะแนน "ไม่เห็นด้วย" ในวันพฤหัสบดี ได้แก่ โธมัส แมสซี และ ไบรอัน ฟิตซ์แพทริก
หลังจากที่นายจอห์นสันประกาศว่าร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากสภาด้วยคะแนนเสียงสี่เสียง ส.ส. จากพรรครีพับลิกันหลายสิบคนได้รวมตัวกันบนพื้นห้องประชุมสภา พร้อมตะโกนคำว่า "USA! USA!"
การลงคะแนนในสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันพฤหัสบดีล่าช้าออกไปเนื่องจากนายฮาคีม เจฟฟรีส์ ผู้นำเสียงข้างน้อยของพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวสุนทรพจน์ที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของสภา สุนทรพจน์ "magic minute" ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่อนุญาตให้ผู้นำพรรคสามารถพูดได้นานเท่าที่ต้องการ กินเวลานานถึง 8 ชั่วโมง 45 นาที
นายเจฟฟรีส์ได้ให้คำมั่นว่าจะใช้เวลาอย่างเต็มที่ ในนามของประชาชนอเมริกันโดยประณามผลกระทบของร่างกฎหมายนี้ต่อชาวอเมริกันผู้ยากไร้
ร่างกฎหมายฉบับนี้จะมีการประหยัดงบประมาณผ่านการลดเงินอุดหนุนด้านอาหารและบริการสุขภาพ และการยกเลิกมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับโครงการพลังงานสะอาด นอกจากนี้ ยังเป็นไปตามคำมั่นสัญญาสำคัญสองประการในการรณรงค์หาเสียงของประธานาธิบดีทรัมป์ ได้แก่ การทำให้การลดหย่อนภาษีในปี 2017 ของเขามีผลถาวร และการยกเลิกภาษีเงินบำนาญ เงินล่วงเวลา และผู้รับผลประโยชน์จากประกันสังคม ซึ่งมีค่าใช้จ่าย 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 10 ปี
งบประมาณประมาณ 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 110,000 ล้านปอนด์) จะถูกนำไปใช้ในด้านความมั่นคงชายแดน ศูนย์ควบคุมตัว และเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมือง ขณะที่อีก 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถูกจัดสรรไว้สำหรับการใช้จ่ายทางทหาร รวมถึงโครงการป้องกันขีปนาวุธ "gold dome" ของประธานาธิบดี
พรรคเดโมแครตซึ่งใช้กลยุทธ์ทางกระบวนการเพื่อถ่วงเวลาการลงคะแนนในสภาผู้แทนราษฎร ได้วิพากษ์วิจารณ์ร่างกฎหมายฉบับสุดท้ายนี้อย่างหนัก โดยพวกเขามองว่าเป็นการดึงการรักษาพยาบาลและเงินอุดหนุนด้านอาหารออกจากชาวอเมริกันหลายล้านคน ขณะเดียวกันก็ให้การลดหย่อนภาษีแก่คนรวย
อ้างอิง : www.bbc.com