PTTEP ปิดดีลซื้อแปลง A-18 มูลค่า 1.46 หมื่นล้าน ขยายพอร์ตก๊าซอ่าวไทย
บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP แจ้งว่า เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 บริษัท พีทีทีอีพี จอยท์ ดีเวลลอปเมนท์ เอสจี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ปตท.สผ. ได้ลงนามในสัญญาซื้อขาย (Sale and Purchase Agreement: SPA) กับบริษัท Hess (Bahamas) Limited และ Hess Asia Holdings Inc. เพื่อเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดในบริษัท Hess International Oil Corporation ซึ่งเป็นผู้ถือสัดส่วนร้อยละ 50 ในแปลง A-18 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (MTJDA) และหุ้นร้อยละ 50 ในบริษัทผู้ดำเนินการของแปลง A-18 ผ่านบริษัทย่อยของ Hess International Oil Corporation ซึ่งได้แก่ บริษัท Hess Oil Company of Thailand (JDA) Limited และ Hess Oil Company of Thailand Ltd. Co.ด้วยมูลค่าซื้อขายจำนวน 450 ล้านดอลลาร์ สรอ. (หรือคิดจากค่าเงิน 32.40 บาท/ดอลาร์สหรัฐเป็นมูลค่าประมาณ 1.46 หมื่นล้านบาท) โดยมูลค่าดังกล่าวจะมีการปรับมูลค่าตามเงื่อนไขในสัญญาฯ ทั้งนี้ ผู้ขายคือบริษัท Hess (Bahamas) Limited และ Hess Asia Holdings Inc. ที่มีเชฟรอนเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด จากการควบรวมกิจการระหว่าง Chevron และ Hess
สำหรับ แปลง A-18 เป็นโครงการผลิตก๊าซธรรมชาติและคอนเดทเสท ซึ่งปัจจุบันผลิตก๊าซธรรมชาติประมาณ 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ส่งให้แก่ประเทศไทยและประเทศมาเลเซียในสัดส่วนที่เท่ากันเพื่อรองรับความต้องการพลังงานให้แก่ทั้งสองประเทศ
โดยบริษัท Hess Oil Company of Thailand (JDA) Limited และบริษัท Hess Oil Companyof Thailand Ltd. Co. ถือสัดส่วนการลงทุนในแปลง A-18 ที่ร้อยละ 49.5 และร้อยละ 0.5 ตามลำดับ โดยการเข้าซื้อสัดส่วนนี้มีผลสมบูรณ์แล้วในวันที่ 25 กรกฎาคม 2568
ทั้งนี้ บริษัท พีทีทีอีพี จอยท์ ดีเวลลอปเมนท์ เอสจี จ ากัด จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2568 ด้วยทุนจดทะเบียน 50,000 ดอลลาร์สรอ. แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 50,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 1 ดอลลาร์ สรอ. โดยมีบริษัท ปตท.สผ. ร่วมพัฒนา จำกัด (บริษัทย่อยของ ปตท.สผ.) ถือหุ้นทั้งหมด การเข้าซื้อดังกล่าวสอดคล้องกับกลยุทธ์ของ ปตท.สผ. ในการเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน และ เสริมสร้างความแข็งแกร่งในการเติบโตของบริษัท ทั้งนี้ พื้นที่ MTJDA ตั้งอยู่บริเวณตอนล่างของอ่าวไทย เป็นหนึ่งในแหล่งทรัพยากรก๊าซธรรมชาติและคอนเดนเสทที่สำคัญของประเทศไทยและมาเลเซีย ประกอบด้วย แปลงผลิต A-18และ B-17-01 โดยปัจจุบัน ปตท.สผ. ถือสัดส่วนร้อยละ 50 ในแปลง B-17-01ซึ่งสามารถผลิต ก๊าซธรรมชาติส่งเข้าประเทศไทยและมาเลเซียในอัตราประมาณ 300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
นอกจากนี้ PTTEP ยังรายงานเพิ่มเติมว่า บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (ปตท.สผ. อีดี) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทได้ลงนามในสัญญาการลดสัดส่วน (Farm-out Agreement) เพื่อโอนสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 40 ในโครงการจี 1/65 และโครงการจี 3/65 ให้แก่ บริษัท แวลูร่า เอ็นเนอร์ยี่ (ชัยพฤกษ์) จำกัด (บริษัทย่อยของบริษัท Valeura Energy)
โดยการลดสัดส่วนดังกล่าวจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อบรรลุเงื่อนไขตามที่ระบุไว้ในสัญญาฯ และได้รับอนุมัติจากหน่วยงานภาครัฐของไทย ซึ่งจะส่งผลให้สัดส่วนการลงทุนในโครงการเป็นดังนี้ ปตท.สผ. อีดี (ผู้ดำเนินการ) ร้อยละ 60 และบริษัท แวลูร่า เอ็นเนอร์ยี่ (ชัยพฤกษ์) จำกัด ร้อยละ 40
อย่างไรก็ตามการลดสัดส่วนการลงทุนในครั้งนี้ เป็นไปตามแผนกลยุทธ์ของบริษัทฯ เพื่อปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมและเป็นการบริหารความเสี่ยงทางธุรกิจ สำหรับโครงการที่อยู่ในระยะสำรวจ