หมอแทนนี่ เผยอาการป่วย ‘หมอบี’ เผชิญ 4 โรคร้ายอันตราย ชี้สาเหตุ-วิธีรับมือ
‘หมอแทนนี่’ ไขข้อสงสัยอาการป่วย ‘หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ‘ ชี้ภาวะนิ่วในท่อไตอันตราย แจงเหตุโรคร้ายรุมเร้า ตั้งแต่เส้นประสาทใบหน้าอักเสบ-เริม-กล้ามเนื้อเรื้อรัง
ทำเอาหลายคนใจหาย กรณี ‘หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ’ หรือ ‘หมอบี เสกสันน์’ ออกมาแจ้งข่าวว่ากำลังเผชิญกับภาวะติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะและนิ่วในท่อไต (ureteric stone) รวมทั้งโรคอื่น ๆ ประกอบด้วย การอักเสบของเส้นประสาทใบหน้าคู่ที่ 5 (Trigeminal neuralgia) ,โรคเริม (Herpes simplex) จากภาวะภูมิคุ้มกันตก และโรคกล้ามเนื้อหลังและเอ็นอักเสบเรื้อรัง ขณะนี้อยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
ล่าสุด ‘หมอแทนนี่’ หรือ‘นายแพทย์ธนีย์ ธนียวัน’ อาจารย์แพทย์อยู่ที่อเมริกา ได้โพสต์คลิปผ่านช่องยูทูป Doctor Tany เผยว่า หลาย ๆ คนเป็นห่วงหมอบีค่อนข้างมาก เพราะ เขาได้ออกมาพูดทางช่องทางออนไลน์ทำนองว่ากำลังจะไปที่ชอบที่ชอบแล้ว เหมือนเขากำลังต่อสู้กับอะไรสักอย่างอยู่ ถ้าเกิดว่าผ่านพ้นไปได้ก็จะรอดมาบอกกับทุกคน แต่ถ้าเกิดว่าเขาแพ้ หรือ สู้ไม่ชนะก็อาจจะไปที่ชอบที่ชอบ
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา มีข่าวออกมาว่าคุณหมอบีแอดมิดเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ตรวจพบว่ามีนิ่วในท่อไตและโรคเริมกำเริบ มีเส้นประสาทสมองคู่ที่ 5 อักเสบ มีโรคกล้ามเนื้อเส้นเอ็นอักเสบเรื้อรัง เหมือนกับการที่กำลังบอกเป็นนัย ๆ ว่าคุณหมอบีกำลังเจอกับอะไรสักอย่างที่กำลังต้องต่อสู้ ถึงแม้ว่าตนเองจะให้คำตอบในเรื่องของไสยศาสตร์หรืออะไรที่มองไม่เห็นไม่ได้ แต่ยังสามารถที่จะอธิบายและให้คำตอบเกี่ยวข้องกับอาการเจ็บป่วยของคุณหมอบีได้
“เรื่องแรก คือ การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะจากการที่มีนิ่วในท่อไต อันนี้คือปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดในปัจจุบันของคุณหมอบี การเป็นนิ่วขึ้นมาในท่อไตมันจะทำให้เกิดการอุดตันของปัสสาวะ ปกติเลือดของเรามันจะต้องไปที่ไตเพื่อทำการกรองเอาของเสียออก หลังจากนั้นของเสียเหล่านั้นก็จะลงมาที่ปัสสาวะและก็เข้าสู่ท่อไต แล้วก็ปัสสาวะมันออกไป
ถ้าเกิดมีอะไรไปอุดจะทำให้ของเสียเหล่านั้นไม่ถูกขับ ปัสสาวะก็จะคั่งบางทีก็จะเกิดการติดเชื้อขึ้นมาได้ และถ้าเกิดว่าเราไม่รีบรักษาการติดเชื้อ มันก็จะเกิดการติดเชื้อรุนแรงจนทำให้กรวยไตอักเสบ เชื้อสามารถเข้าสู่กระแสเลือดได้ และที่สำคัญคือบางคนก็กลายไปเป็นหนองตรงบริเวณไต ไตก็อาจจะวนไปเลยก็ได้
ดังนั้นเรื่องนิ่วนี้เป็นเรื่องหลัก ๆ ที่เราต้องรู้เลยว่าถ้าเป็นการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะในผู้ชาย เราต้องหาสาเหตุหลัก ผู้ชายอาจจะมีนิ่วได้ อาจจะมีต่อมลูกหมากโตแล้วทำให้ทางเดินปัสสาวะของเขาตีบแคบ ปัสสาวะมันคั่งข้างในเกิดการติดเชื้อก็ได้ พวกนี้จะเป็นสาเหตุซะมากกว่า
ส่วนเรื่องนิ่วทางเดินปัสสาวะ เกิดขึ้นเพราะดื่มน้ำได้ไม่เพียงพอ คนเราควรจะดื่มน้ำอย่างน้อยก็วันละ 2 ลิตร ถ้าต่ำกว่านั้น โอกาสที่จะมีปัญหาก็เพิ่มขึ้น ถ้าคนไหนเป็นนิ่วแล้วก็อาจจะต้องดื่มมากกว่านั้น โดยต้องดื่มจนกระทั่งปัสสาวะของเรามันเหลืองใสตลอดเวลา
นิ่ว เกิดจากการที่ดื่มน้ำไม่เพียงพอ หรือ คนไหนที่กินโปรตีนจากสัตว์เข้าไปเยอะมากอาจจะเป็นนิ่วได้ รวมทั้งคนที่อั้นปัสสาวะ แต่ว่าผู้ชายจะไม่ค่อยเจอภาวะที่เป็นปัญหาแบบนี้ม ใครที่รับประทานวิตามินซีขนาดสูง บางคนก็เป็นนิ่วได้ และ คนที่กินวิตามินดีมหาศาลก็เป็นนิ่วได้อีกเช่นกัน
ต่อมาคือโรคเส้นประสาทสมองคู่ที่ 5 อักเสบ (Trigeminal Neuralgia) คือ เส้นประสาทสมองคู่ที่ 5 มันมีตัวรากของมันออกมาจากก้านสมองมันจะ มี 3 แขนง โดยแขนงที่ 1 เลี้ยงบริเวณหน้าผากกับลูกตา แขนงที่ 2 เลี้ยงบริเวณกรามบน ฟันบน ริมฝีปากบน และข้างจมูก ส่วนแขนงที่ 3 กรามล่าง ริมฝีปากล่าง ฟันล่าง
เวลาที่มันมีการอักเสบของเส้นประสาทเส้นนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือจะเหมือนไฟช็อต ส่วนใหญ่มันมักจะเป็นเส้นประสาทที่ 2 กับ 3 บางทีบางคนเคี้ยว ๆ อยู่เป็นเลย ถ้าเป็นภาวะนี้คุณหมอจะต้องทำเลยก็คือการตรวจ MRI สมอง และตรวจ MRI ชนิดพิเศษ เพราะต้องดูหลอดเลือด เนื่องจากเส้นประสาทสมองคู่ที่ 5 มักจะมีหลอดเลือดไปกดมันได้ ถ้าหลอดเลือดไปกดจะทำให้เส้นประสาทเส้นนี้เสื่อม การรักษาคือต้องผ่าตัด ไม่ให้มันโดนเส้นเลือดหนีบ แต่ถ้ากดไม่มากอาจจะใช้การรักษาด้วยยาก่อน
ต่อมาคุณหมอบียังมีอาการโรคเริมกำเริบ หรือ Herpes Simplex Virus โรคเริมนี้มีชนิดที่ 1 กับชนิดที่ 2 Herpes Simplex Virus Type 1 กับ Herpes Simplex Virus Type 2 Type 1 มักจะอยู่ที่ปาก บางคนเป็นตุ่มใส แต่อาจจะไปขึ้นที่อื่นได้ แต่ถ้ารุนแรงมากเข้าสมองก็เป็นได้เหมือนกัน เกิดตอนที่ภูมิต้านทานตก และได้ Herpes Virus มาจากการกินอาหาร ติดทางน้ำลาย
โรคนี้ไม่มีวัคซีนแล้วไม่มีทางรักษาให้หายขาด แต่ต้องทำให้ภูมิต้านทานของเราแข็งแรง เพื่อป้องกันไม่ให้อาการกำเริบ ถ้าเป็นบ่อยอาจจะต้องกินยากดมันไว้
สุดท้าย คือ กล้ามเนื้อเส้นเอ็นอักเสบ เป็นเรื่องของท่าทางการใช้ชีวิต เช่น นั่งคร่อมหลัง นั่งนาน หรือเดิน-ยืนท่าที่ผิดปกติ สามารถแก้ได้โดยการให้นักกายภาพบำบัดตรวจสอบ โดยจะวิเคราะห์ท่าทางว่าผิดพลาดตรงไหน จากนั้นต้องออกกำลังกาย ยืดเหยียด โยคะ ยกน้ำหนักต่าง ๆ ซึ่งสามารถที่จะช่วยเรื่องของภาวะนี้ได้”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง