ไทยเครดิต ธนาคารเล็ก หัวใจใหญ่: เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ ด้วยพลัง Micro SMEs
ในโลกของธุรกิจธนาคารที่มีการแข่งขันสูง และสภาพเศรษฐกิจที่เปราะบางในปี 2568 ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) หรือ CREDIT ยังคงเดินหน้าฝ่าแรงต้านทางเศรษฐกิจด้วยสมรรถนะที่น่าจับตา
แม้จะเป็นธนาคารที่อายุน้อยที่สุดในระบบ—เพิ่งก่อตั้งเมื่อปี 2551 หรือมีอายุเพียง 17 ปี—แต่กลับมีการเติบโตทางสินเชื่อและผลประกอบการที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาด Micro SMEs ซึ่งเป็นกลุ่มฐานรากที่ธนาคารเชี่ยวชาญและให้ความสำคัญมาโดยตลอด
[ เติบโตสูงสุดในอุตสาหกรรม: สินเชื่อทะลุ 1.71 แสนล้าน ]
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 CREDIT สามารถขยายตัวด้านสินเชื่อได้สูงถึง 5.2% ทะลุ 171,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในอุตสาหกรรม (เทียบกับค่าเฉลี่ยของธนาคารทั้งระบบเพียง 0.4%) สะท้อนถึงการวางกลยุทธ์ที่แม่นยำและความเข้าใจในกลุ่มลูกค้า Micro SMEs อย่างลึกซึ้ง
ผลิตภัณฑ์สินเชื่อหลักของธนาคารออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการรายย่อยหลากหลายกลุ่ม ได้แก่
• สินเชื่อ SME กล้าสู้ วงเงินสูงสุด 10 ล้านบาท
• สินเชื่อตลาดค้าส่ง วงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท
• สินเชื่อเถ้าแก่ใหญ่ วงเงินสูงสุด 500,000 บาท
กว่า 70% ของฐานลูกค้าทั้งหมดเป็นกลุ่ม Micro Segment และ SMEs รายย่อย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของธนาคารในการสนับสนุนเศรษฐกิจรากหญ้าอย่างแท้จริง
[ ผลประกอบการพุ่ง 44% ROE นำอุตสาหกรรม ]
CREDIT ทำกำไรสุทธิในครึ่งแรกของปี 2568 ได้สูงถึง 1,828 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1,270 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือเติบโต 44% YoY สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่โตเพียง 3.5% โดยการเติบโตดังกล่าวมาจากการลดลงของต้นทุนเครดิต หรือ Credit Cost ซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพของพอร์ตสินเชื่อที่ดีขึ้น
ด้าน ROE (Return on Equity) หรือผลตอบแทนผู้ถือหุ้น อยู่ที่ 15.5% สูงกว่าธนาคารหลายแห่ง แม้ว่า NIM (Net Interest Margin) จะลดลงมาอยู่ที่ 7.4% จากแรงกดดันของอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลง และการให้ความช่วยเหลือลูกค้าผ่านมาตรการ ‘คุณสู้ เราช่วย’ ของภาครัฐ
[ NPL ลดต่อเนื่อง: สะท้อนวินัยทางเครดิตที่แข็งแกร่ง ]
แม้สินเชื่อของธนาคารจะเน้นไปที่กลุ่มความเสี่ยงสูง เช่น รายย่อยหรือ SMEs ขนาดเล็ก แต่ อัตราหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของ CREDIT กลับลดลงเหลือเพียง 4.3% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่อยู่ที่ 7.35% และไม่ได้ขาย NPL ออกไปเลยในปีนี้
ส่วน อัตราส่วนเงินสำรองต่อ NPL (Coverage Ratio) อยู่ที่ 154.4% ซึ่งถือว่าสูงมาก สะท้อนถึงความพร้อมในการรับมือความเสี่ยงในอนาคต และเป็นตัวชี้วัดความมั่นคงของธนาคารอย่างแท้จริง
[ พอร์ตสินเชื่อและการจัดการความเสี่ยง ]
ปัจจุบันโครงสร้างพอร์ตสินเชื่อของธนาคารมีความหลากหลาย โดยมีรายละเอียดดังนี้:
• สินเชื่อธุรกิจ Micro SMEs: 116,000 ล้านบาท
• สินเชื่อที่ใช้บ้านเป็นหลักประกัน: 26,700 ล้านบาท
• สินเชื่อนาโนและไมโครเครดิต: 21,400 ล้านบาท
• สินเชื่อบุคคล: 7,600 ล้านบาท
ในส่วนของ Credit Cost อยู่ที่ 2.08% ของมูลค่าหนี้ ซึ่งลดลงกว่า 1,000 ล้านบาท YoY จากการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และการช่วยเหลือลูกค้าอย่างรวดเร็วเมื่อต้องเผชิญความยากลำบากทางการเงิน
[ ดิจิทัลแพลตฟอร์ม: ลดต้นทุน-ขยายโอกาส ]
CREDIT มีการพัฒนาแอปพลิเคชัน 2 ตัวหลัก ได้แก่:
1. Micro Pay e-wallet – ใช้ในการทำธุรกรรมและขอสินเชื่อ ลดต้นทุนทั้งฝั่งลูกค้าและธนาคาร
2. alpha by Thai Credit – เครื่องมือช่วยขยายฐานเงินฝาก พร้อมสร้างความภักดีในกลุ่มลูกค้าปัจจุบัน
การลงทุนในเทคโนโลยีช่วยให้ธนาคารเข้าถึงลูกค้า Micro SMEs ได้รวดเร็วขึ้น พร้อมยกระดับบริการและการประเมินสินเชื่อด้วยข้อมูลดิจิทัลที่แม่นยำ
[ สร้างความรู้การเงินให้สังคม: ตังค์โต KNOW-HOW ]
ธนาคารยังเดินหน้าส่งเสริมความรู้ทางการเงินผ่านโครงการ ‘ตังค์โต KNOW-HOW’ โดยมุ่งเน้นไปที่การอบรมให้ความรู้พื้นฐานทางบัญชี เช่น การแยกบัญชีธุรกิจกับบัญชีส่วนตัว เพื่อให้ลูกค้ามีวินัยทางการเงินมากขึ้น
จนถึงปัจจุบัน โครงการนี้จัดอบรมแล้ว 826 ครั้ง มีผู้เข้าร่วมกว่า 33,000 คน ไม่จำกัดเฉพาะลูกค้าเท่านั้น แต่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมได้ด้วย
[ กลยุทธ์ครึ่งปีหลัง: เน้นเติบโตแบบระมัดระวัง ]
CREDIT ยังคงยึดกลุ่มเป้าหมายหลักคือ Micro SMEs และกลุ่ม Underserved โดยตั้งเป้าหมายทางการเงินในปี 2568 ดังนี้:
• สินเชื่อเติบโต 10-15%
• NIM 7.5-8%
• Cost to Income Ratio 42-43%
• NPL ต่ำกว่า 4.5%
• Credit Cost 2-2.7%
• ROE 15.5-20%
อย่างไรก็ตาม ธนาคารมีมุมมองต่อเศรษฐกิจครึ่งหลังปี 2568 อย่างระมัดระวัง เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ภาระหนี้ครัวเรือนสูง และการชะลอตัวของกำลังซื้อ ส่งผลให้ลูกค้าไม่สามารถขยายธุรกิจได้เท่าที่ควร ขนาดธุรกรรมเฉลี่ยของลูกค้ากลุ่มใหม่จึงมีขนาดเล็กลง
[ มองไปข้างหน้า: Micro SMEs คือหัวใจ ]
แม้สภาพแวดล้อมเศรษฐกิจจะไม่เอื้ออำนวย แต่ธนาคารยังมั่นใจในศักยภาพของตลาด Micro SMEs ที่ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา CREDIT ขยายพอร์ตสินเชื่อได้มากกว่า 250% หรือเติบโตถึง 3 เท่า
แม้ปัจจุบันการเติบโตอาจอยู่ในระดับประมาณ 10% แต่ธนาคารเชื่อมั่นว่า เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว อัตราการเติบโตจะกลับมาแตะระดับ 24-25% เช่นในอดีตได้อีกครั้ง