ความปลอดภัยของไทยกำลังหายไป จากมุมมองนักท่องเที่ยวต่างชาติ
เมื่อ "ความปลอดภัย" กำลังหายไปจากความรู้สึกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำภาพลักษณ์ประเทศไทยน่ากังวล
ปี พ.ศ.2568 อาจจะเรียกได้ว่าเข้าสู่ยุคที่การท่องเที่ยวไทยแบกต่อไม่ไหว นักวิเคราะห์และหลาย ๆ สถาบันล้วนแสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าไทยหมดเสน่ห์ในสายตาชาวต่างชาติ หรือแม้แต่หากเราพิจารณาตัวเลขสถิติจะพบว่านักท่องเที่ยวหดหายไป มองด้วยตาก็จะเห็นความบางตาของนักท่องเที่ยว หรือจะเดินไปถามผู้ประกอบการย่านที่เคยแทบจะไม่มีที่ให้เราจะเดินก็จะได้คำตอบว่าขายของไม่ได้
คือตอนนี้ภาคการท่องเที่ยวมีแต่ทรงกับทรุด ยิ่งตอนนี้ประเทศไทยมีภาพลักษณ์ความขัดแย้งกับกัมพูชาอีก คือไม่ว่าเราจะเป็นผู้ถูกต้อง เป็นผู้ถูกกระทำก่อน เป็นผู้รักสงบยังไง แต่ถ้าเราเป็นนักท่องเที่ยวและรู้ข่าวว่าประเทศนี้มีการต่อสู้กัน มีผู้คนล้มตาย (หรือต่างชาติบางคนอาจเข้าใจว่ามีสงคราม หรือเข้าใจผิดว่าเรารุกรานก่อน) เราเองที่เป็นนักท่องเที่ยวก็คงเลี่ยงที่จะไม่บินมาประเทศนี้แน่ ๆ เพราะทุกคนล้วนกังวลด้านความปลอดภัย
ชาวต่างชาติไม่รู้หรอกว่าจุดปะทะอยู่ตรงไหน แต่ถ้าจะเลือกมาเที่ยวแถบนี้ บินไปประเทศญี่ปุ่น-จีน ตอนนี้อาจจะเป็นตัวเลือกที่สบายใจกว่า ความปลอดภัยต่อกายและใจสำคัญจริง ๆ
ซึ่งเรื่องความปลอดภัย จากดัชนี Travel & Tourism Development Index 2024 โดย Word Economics Forum ระบุว่าประเทศไทยได้คะแนนรั้งท้ายประเทศคู่แข่ง ตามหลังทั้งเวียดนาม ญี่ปุ่น มาเลเซีย และเกาหลีใต้ เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ตอกย้ำว่าทำไมนักท่องเที่ยวหนีไปประเทศอื่นกันหมด
ดัชนี้ดังกล่าวเป็นเกณฑ์การประเมินความสามารถทางการแข่งขันในการดึงดูดนักท่องเที่ยว เป็นการมองประเทศนั้น ๆ ผ่าน 5 มิติสำคัญ ได้แก่ 1.ความพร้อมของประเทศในการรองรับนักท่องเที่ยว 2.การมีนโยบายส่งเสริมภาคการท่องเที่ยว 3.ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานและและบริการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว 4.ศักยภาพของทรัพยากรณ์ในการดึงดูดการท่องเที่ยว และ 5.ความยั่งยืนของภาคการท่องเที่ยวด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม
ซึ่งจากดัชนีนี้ญี่ปุ่นคืออันดับที่ 3 ของโลกจากการประเมินเมื่อปี 2567 ในด้านของประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ที่ลำดับ 47 ของโลก ตามหลังมาเลเซีย ดินโดนีเซีย สิงคโปร์ แต่ไทยเรายังนำเวียดนามในดัชนี้ ทว่าหากเราลงรายละเอียดของดัชนี้ ไปดูที่มิติด้านความปลอดภัย ปรากฎว่าไทยเราได้คะแนนเพียง 4.9 คะแนนจากการประเมิน ตามหลังรายประเทศ เช่น
จีน ได้รับคะแนน 6.2 คะแนน
ญี่ปุ่น ได้รับคะแนน 6.0 คะแนน
เกาหลีใต้ ได้รับคะแนน 6.3 คะแนน
มาเลเซีย ได้รับคะแนน 5.9 คะแนน
จากบทวิเคราะห์ของ Krungthai Compass ระบุว่าเป็นเพราะคะแนนด้านความปลอดภัยของประเทศไทยนี่แหละที่ฉุดคะแนนในภาพรวมลงมา ถือเป็นคะแนนที่ต่ำกว่าคู่แข่งประเทศอื่น ๆ ถึง 20% ซึ่งความปลอดภัยในที่นี้หมายถึงอะไร ขอขยายความดังนี้
มาถึงตรงนี้คุณผู้อ่านลองอ่านแล้วลองให้คะแนนในใจเองก็ได้ ว่าถ้าเป็นท่าน ท่านจะประเมินคะแนนด้านต่อไปนี้ให้ประเทศไทยกี่คะแนนดีจากคะแนนเต็ม 10 คะแนน
ความปลอดภัยจากดัชนีชี้วัดหมายถึงมิติเหล่านี้
ความเชื่อมั่นที่มีต่อตำรวจ
ความรู้สึกปลอดภัยเมื่อต้องเดินคนเดียวตอนกลางคืน
อัตราการเสียชีวิตจากเหตฆาตกรรม
ผลกระทบจากการก่อการร้าย
จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความขัดแย้ง
ถึงตรงนี้ท่านให้คะแนนเท่าไหน่ไม่รู้ แต่จากที่องค์กรภายนอก จากที่คนนอกประเทศไทยมองเข้ามา เราได้คะแนนจากการประเมินด้านนี้ไม่ค่อยดีนัก และหากการประเมินนี้จัดทำขึ้นอีกในปี 2568 นี้ ผู้เขียนเชื่อว่าจากภาพลักษณ์และสถานกาารณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้น (เหตุการณ์ตึก สตง. ถล่ม เหตุการณ์กราดยิงหลาย ๆ เหตุการณ์ในเมืองที่ผ่านมา) จะทำให้คะแนนด้านความปลอดภัยของไทยได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย
ซึ่งภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยนี้ยังส่งผลกระทบให้นักท่องเที่ยวจีนที่เป็นเจ้าประจำในการบินมาเยือนไทยหดหายไปอีกด้วย Krungthai Compass ระบุในบทวิเคราะห์ว่าความปลอดภัยนี่แหละคือสาเหตุข้อที่ 1 ที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนไม่มาไทย ด้วยตัวเลขผลสำรวจชาวจีนกว่า 51% ที่ระบุว่าไทยไม่ปลอดภัย
ไม่เพียงเท่านั้นรัฐบาลหลาย ๆ ประเทศยังมีหลายครั้งหลายคราที่ออกมาเตือนประชาชนประเทศตัวเองเรื่องความปลอดภัย เตือนให้ประชาชนประเทศตัวเองระมัดระวังในการเดินทางมายังประเทศไทย เช่น รัฐบาลไต้หวัน ฮ่องกง หรือแม้แต่ญี่ปุ่น
ตอนนี้ประเทศไทยอยู่ในสถานการณ์ที่ท้าทายเป็นอย่างมากจากทั้งเหตุการณ์ในประเทศ เช่น สถานการณ์การเมือง ตอนนี้ประเทศไทยนายกตัวจริงยังทำงานไม่ได้ เหตุการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา หรือแม้แต่เหตุการณ์จากการค้าโลก จากภาษีทรัมป์ ซ้ำมาเจอภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบอีก เจอปัญหาความน่ากังวลใจด้านความปลอดภัยในการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวอีก
จากนี้ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าผู้มีอำนาจในประเทศไทย จะพาประเทศของเราไปในทิศทางไหนต่อจากนี้ จะพาเราออกจากสถานการณ์ที่ท้าทายนี้อย่างไร ? เพราะดูแล้วตอนนี้เราอาจจะยังไม่ได้สัมผัสถึงการมาในทิศทางที่ถูกต้องของการแก้ปัญหาซักเท่าไหร่นัก
ที่มา Krungthai Compass