Element72 เผยแบรนด์ต่างชาติมองไทยเป็นผู้นำเทรนด์ของอาเซียน
ไทยเคยเป็นเพียง "ผู้ตาม" ที่อาจรอเทรนด์จากโตเกียว โซล หรือปารีส แต่มาถึงวันนี้ประเทศไทยกำลังขยับบทบาทใหม่ในโลกแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ กลายเป็นหนึ่งใน “Trendsetter” ที่หลาย ๆ แบรนด์ระดับโลกเริ่มจับตามอง ไม่ใช่แค่ในฐานะผู้บริโภค แต่คือจุดเริ่มต้นของเทรนด์ใหม่ๆ ที่ขยับขยายไปทั่วอาเซียน หรือเอเชียด้วยซ้ำ
ตามมุมมองของ ชาร์ลส์ ปิณฑานนท์ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง บริษัท อิลีเม้นท์ 72 จำกัด ผู้ทำตลาดสินค้าเออร์เบิน ไลฟ์สไตล์ (Urban Lifestyle) บุกเบิกตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์ทั้งกลุ่มเสื้อผ้า อุปกรณ์ กิจกรรมกลางแจ้ง แคมป์ปิง ฯลฯ เป็นรายแรก ๆ ของเมืองไทยมานานมากกว่า 20 ปี ที่ผ่านมา หรือใคร ๆ อาจรู้จักสโตร์ Element72 เป็นร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าเอาท์ดอร์และไลฟ์สไตล์หลากหลายแบรนด์สินค้าในร้านมีทั้งเสื้อผ้า, รองเท้า, กระเป๋า, อุปกรณ์แคมป์ปิ้ง และอื่นๆ
โพสต์ทูเดย์ มีโอกาสได้พูดคุยกับคุณชาร์ลส์ ที่ ENT สโตร์มัลติแบรนด์แห่งใหม่ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในธุรกิจของเขาที่เพิ่งเปิดตัวครั้งแรกที่ชั้น 2 โซน Men In Trend ศูนย์การค้า The Emporium ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยครอบครัว ทีมงาน และอินฟลูเอนเซอร์ที่มาร่วมงานอย่างคับคั่ง
จากเจ้าพ่อกิจกรรมเอาต์ดอร์ สู่นักธุรกิจ
หากย้อนดูประวัติของเขา จะเห็นว่า คุณชาร์ลส์เป็นชายผู้หลงใหลกิจกรรมเอาต์ดอร์ จุดเริ่มต้นธุรกิจของเขามาจากความไม่ตั้งใจ เพราะเขาเติบโตในสหรัฐฯ และกลับมาช่วยธุรกิจที่บ้านในสมุทรปราการ หลังเรียนจบด้านบริหารธุรกิจ โดยมีเวลาว่างไปเล่นเคเบิลสกี แต่กลับพบว่าอุปกรณ์ในไทยทั้งหายากและคุณภาพต่ำ จึงเริ่มนำเข้าแบรนด์ที่ใช้เองตอนอยู่เมืองนอก เช่น O’Neill, Mares แล้วเปิดร้านเองบนถนนบางนา–ตราด นำเข้าอีกแบรนด์ที่รู้จักทั่วไปคืออุปกรณ์ดำน้ำ Mares และทำอุปกรณ์กีฬาทางน้ำ นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเป็นนักธุรกิจเต็มตัว
โดยที่ปี 2535 ตั้ง บริษัท เอชทูโอ จำกัด ประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายชุดประดาน้ำ Jet Pilot และอุปกรณ์ดำน้ำ Mares ปี 2537 ตั้ง บริษัท โอ๊คลีย์ ประเทศไทย จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายแว่นตา Oakley สำหรับประเทศไทย ปี 2553 เริ่มจำหน่าย Oakley Japan Edition อีก 4 ปีถัดมาได้รับการแต่งตั้งและอนุญาตให้จัดตั้งร้าน O Store ในประเทศไทย 5 สาขา มาเลเซีย 5 สาขา และเมียนมา 1 สาขา
รีแบรนด์ครั้งใหญ่ เปิด Element72
การทำธุรกิจย่อมประสบทางตันเป็นธรรมดา ทำให้ปี 2560 เขาตัดสินใจรีแบรนด์ครั้งใหญ่ ตั้งบริษัทใหม่ในชื่อ Element72 มุ่งสู่ตลาดแฟชั่น Outdoor ที่กำลังเติบโตทั่วโลก โดยมีแบรนด์นำเข้าระดับโลกที่เป็นพาร์ตเนอร์ เช่น
- KEEN: รองเท้ากลางแจ้งจากสหรัฐฯ
- Stanley: ขวดน้ำและอุปกรณ์แคมป์
- YETI: แก้วน้ำและ Cooler สุดไอคอนิก
- Gramicci แบรนด์เอ้าดอร์จากอเมริกา
- Snow Peak แบรนด์มินิมอลสายพรีเมียมจากญี่ปุ่น
- 47 Brand หมวกและแอคเศสเศอรีสตรีทแวร์
และอื่น ๆ อีกหลายแบรนด์ รวมแล้วตอนนี้ราว 28 แบรนด์ในมือ
หากดูรายชื่อแบรนด์ที่กล่าวมา เรียกได้ว่าเขาเป็นผู้นำเทรนด์ใหม่เข้ามาในไทยก็ว่าได้ หนึ่งในเคสที่น่าสนใจคือการได้สิทธิ์นำเข้า YETI แบรนด์แก้วเก็บความเย็นชื่อดัง ซึ่งแต่เดิมไม่สนใจตลาดเอเชียเลย
เขาเคยเล่าเบื้องหลังว่า ตอนนั้น YETI ยังไม่เปิดเอเชีย เราก็บินไปเคาะประตูตามแฟร์ทั่วโลกอยู่หลายปี จนสุดท้ายเขายอมเปิดโอกาสให้ วันนี้ YETI กลายเป็นแบรนด์ขายดีอันดับต้นๆ ของ Element72 และยังเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะกลุ่มชาวจีนและเกาหลี คนรู้จักแก้วเก็บความเย็น
ENT มัลติแบรนด์ใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ
คุณชาร์ลส์ กำลังพลิกบทบาทอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว ENT ร้านมัลติแบรนด์ Active Lifestyle Fashion สุดพรีเมียมที่ไม่เพียงขายไอเท็มหายาก แต่ยังมุ่งผลักดันประเทศไทย ให้กลายเป็นผู้นำเทรนด์แฟชั่นในเอเชีย
คุณชาร์ลส์ เล่าว่า ENT (ชื่อที่ย่อจาก “Element” หรืออักษร 3 ตัวสุดท้าย) โดย ENT ถูกวางตำแหน่งเป็น “ไลฟ์สไตล์มัลติแบรนด์” สำหรับลูกค้าที่มองหาไอเท็มพิเศษ หายาก หรือคอลเลกชันพิเศษ เช่น เสื้อสูทที่ระบายอากาศได้ดีเยี่ยม หรือกางเกงแคมป์ที่ออกแบบระบบกระเป๋าอย่างดี สินค้าทั้งหมดแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก: Outdoor, Performance และ Urban Lifestyle (หรือ Lifestyle Fashion) กลุ่มนี้เติบโตเร็วที่สุด และครอง 70% ของยอดขายในปัจจุบัน ซึ่ง ENT ก็จะเจาะกลุ่มเป้าหมายไปสู่วัยรุ่นมากขึ้น หรืออายุ 18 ปีขึ้นไป
คุณชาร์ลส์ กล่าวว่า ENT เปิดตัวสาขาแรกที่ศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม และในปีนี้เตรียมขยายเพิ่มอีก 2 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัลบางนา และเมกาบางนา พร้อมไฮไลต์สำคัญอย่างคอลเลกชันผู้หญิงจากแบรนด์ Snow Peak ที่จะมาเสริมพอร์ตให้หลากหลายยิ่งขึ้น ในขณะที่ Element72 กำลังขยายสาขาทั่วประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 65 สาขา และอาจมีแบรนด์ลับที่เปิดตัวกลางปีนี้
ไทยไม่ใช่แค่ผู้ตาม-แต่กำลังเป็นผู้นำเทรนด์
นอกจากนี้ คุณชาร์ลส์ บอกว่า ไทยไม่ใช่แค่ตลาดผู้ตาม แต่กำลังเป็นผู้นำเทรนด์ในเอเชีย จากเดิมที่หลายแบรนด์ในโลกโฟกัสตลาดญี่ปุ่นหรือเกาหลี วันนี้หลายแบรนด์เริ่มหันมาจับตา ‘ประเทศไทย’ เพราะเราเริ่มเป็น Trendsetter โดยเฉพาะในกลุ่มแฟชั่น-ไลฟ์สไตล์”
“ทุกวันนี้แบรนด์ใหญ่ๆ จากอเมริกาหรือยุโรป เริ่มหันมาสนใจประเทศไทยมากขึ้น ไม่ใช่แค่เป็นตลาดขายของ แต่เขาเริ่มมองเราเป็นผู้กำหนดทิศทางแฟชั่นของภูมิภาค ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมายังเห็นเทรนด์กลุ่มลูกค้าต่างชาติ เช่น จีน ชอบมาไล่ล่าสินค้าที่เมืองไทยอีกด้วย
อย่างแบรนด์ KEEN ในช่วงปี 65-66 บริษัทเป็นผู้ทำตลาดรายเดียวในไทย สามารถสร้างยอดขายได้สูงสุดกว่า 500,000 คู่ เรียกได้ว่าขายดีที่สุดในโลก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่ทำตลาดในช่วงเดียวกัน ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจทั้งไทยและทั่วโลกชะลอตัว
ปีแห่งความท้าทาย: ยากยิ่งกว่าโควิด
แม้จะดูเป็นแบรนด์หรูเติบโต แต่คุณชาร์ลส์ยอมรับตรงไปตรงมาว่า ปี 2568 คือปีที่ยากที่สุดของเขา และคาดว่าจะเป็นแบบนี้ไปอีกราว ๆ 2 ปี
“ตั้งแต่ทำธุรกิจมา ไม่เคยเจอสถานการณ์ที่เงียบขนาดนี้ เศรษฐกิจตอนนี้เงียบยิ่งกว่าช่วงโควิด คนซื้อของน้อยลง นักท่องเที่ยวก็หาย กระทบต่อยอดรายได้ของเราแน่นอน เช่น ความถี่ในการซื้อน้อยลง เมื่อก่อนเรามีนักท่องเที่ยวเพิ่มรายได้ให้เรา แต่ตอนนี้กระชากลงไปเยอะ แต่เราก็ต้องยืนให้ได้ ไปต่อบริษัทเราจึงต้องเน้น Emotional Marketing เพื่อกระตุ้นให้เกิด ‘ความอยากได้’ แต่จะไม่เน้นลดราคา จะเน้นสร้างมูลค่าแบรนด์ให้ยั่งยืนมากกว่า แม้จะเป็นปีเหนื่อย แต่เราก็ต้องเมนเทนให้แบรนด์ไปต่อได้"
อย่างไรก็ตาม คุณชาร์ลส์ ทิ้งท้ายว่า ภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ คาดว่าไม่น้อยกว่าสองปีทั้งใน และต่างประเทศ อเมริกา ญี่ปุ่น ก็อยู่ในภาวะชะลอตัว ทุกที่มีชาเล้นท์หมด ไม่เว้นแม้แต่จีน ซึ่งก็ต้องสู้ต่อไป