เอ็มจี ยืนระยะความท้าทาย มั่นใจใช้งาน บริการหลังขาย อีวี
อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขจะเติบโต และมีโอกาสที่จะก้าวไปถึงระดับ 1 แสนคันได้ในปีนี้ แต่หากมองย้อนกลับไปในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก็อาจจะบอกได้ว่า ยังไม่เป็นไปตามความหวัง
เพราะปี 2566 ที่ตลาดรถพลังงานไฟฟ้าหรือ อีวี (EV) นั้นโตแบบก้าวกระโดดจาก 9,729 คัน เป็น 76,314 คัน ท่ามกลางภาพรวมตลาดรถยนต์ที่ไม่ดีนัก จากปัญหารุมเร้าหลายอย่าง โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่นำไปสู่ความเข้มงวดของสถาบันการเงิน
แต่การที่อีวีขยายตัวโดดเด่นทำให้เกิดการคาดหวังกันในวงกว้างว่าจะขยายตัวต่อเนื่อง แต่ปรากฏว่าปี 2567 ที่ผ่านมา ตลาดกลับติดลบลงไปราว 8% อยู่ที่ 70,173 คัน
ตลาดที่เติบโตนำไปสู่การวางแผนธุรกิจรับการเติบโต แต่เมื่อไม่เป็นไปตามคาดหวัง ก็อาจทำให้แผนต่าง ๆ บิดเบี้ยวได้เช่นกัน
ย้อนกลับมาในช่วงนี้ แม้ตลาดจะกลับมาเติบโต แต่สิ่งที่เกิดขึ้น คือ การแข่งขันที่รุนแรง และการมีผู้เล่นหน้าใหม่ เข้ามาเปิดตลาดอย่างต่อเนื่อง มีรถยนต์รุ่นใหม่เข้ามาแย่งชิงตลาดเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังมีข่าวสารเชิงลบทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ภาพรวม อีวี หรือสถานะของผู้ประกอบการ และที่สำคัญอีกสิ่งหนึ่ง ผลกระทบต่อลูกค้าที่ไม่ได้รับความสะดวกสบายในการใช้งาน
เหล่านี้เป็นประเด็นที่ท้าทายผู้ประกอบการที่จะต้องสร้างทั้งภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น และที่สำคัญก็คือ ภาคปฏิบัติที่ต้องเห็นผลเป็นรูปธรรมที่แท้จริง ในยุคที่ผู้บริโภคเริ่มมีคำถามมากขึ้น มีความลังเลในการตัดสินใจมากขึ้น
สถานการณ์ดังกล่าว แบรนด์ที่น่าเชื่อถือว่าจะมีความได้เปรียบในตลาด ซึ่งกรณีเช่นนี้เอ็มจี น่าจะเป็นอีกแบรนด์ที่สามารถยืนระยะได้ดี แม้สถานการณ์ปัจจุบันจะไม่ได้เป็นผู้นำตลาด แต่ก็มียอดขายอยู่ในอันดับต้น ๆ และมีตลาดที่ค่อนข้างเสถียร
เอ็มจี นั้นได้ชื่อว่าเป็นผู้บุกเบิก อีวี ในตลาดแมส (mass) เป็นครั้งแรกในปี 2562 ด้วย MG ZS EV ในระดับราคาที่เข้าถึงได้ง่าย ซึ่งทำให้ตลาดอีวีเติบโตแบบก้าวกระโดดสู่หลักพันเป็นครั้งแรก
หลังจากนั้นเอ็มจี รักษาโมเมนตัม ด้วยการเสริมตลาด อีวี อย่างต่อนื่อง และมีความหลากหลายเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นตลาดแมส อย่าง MG EP, MG ES รถที่ให้อารมณ์สปอร์ต อย่าง MG 4 Electric และ MG4 X Power หรือจะลดสปอร์ตแท้ ๆ อย่าง MG Cyberster รถเอสยูวี อย่าง ZS EV หรือ MG S5 EV รถเอนกประสงค์ เอ็มพีวี MG MAXUS 7, MG MAXUS 9 และล่าสุดคือการรุกตลาดพรีเมียมอย่าง MG IM6
ก่อนหน้านี้ ผู้บริหารเอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี ระบุว่าการที่ตลาดอีวี มีผู้เล่นจำนวนมาก ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้บริโภคที่มีทางเลือกเพิ่มขึ้น หาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับตนเองได้ง่ายขึ้น
แต่การที่ อีวี เป็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เจ้าของสินค้ากับผู้บริโภคจึงต้องหาจุดร่วมกันให้ได้ และที่สำคัญคือ ต้องไม่ทำตลาดแบบอยากขาย แต่ต้องนำเสนอสินค้าตามที่ลูกค้า อยากได้
ซึ่งจริง ๆ ประเด็นนี้ หากมองออกไปนอกกลุ่มพลังงานไฟฟ้า ก็จะเห็นว่า เอ็มจี ก็พยายามเพิ่มทางเลือกอย่างต่อเนื่อง ทั้งรถที่ใช้เครื่องยนต์ (ICE) ไฮบริด (HEV) หรือ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) รวมถึงล่าสุดคือ การเปิดตัว MG 3 Hybrid ที่เป็นระบบไฮบริดเจเนอเรชั่นใหม่ และเป็นโกลบอล โมเดล ที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้า
และหากมองเฉพาะ อีวี ก็ชัดเจนว่า นี่เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ด้านการเพิ่มทางเลือก ผ่านการรับฟังความคิดเห็นของลูกค้า เพราะแนวทางการทำธุรกิจอย่างหนึ่งของเอ็มจี คือ การพบปะกับลูกค้าและตัวแทนจำหน่ายทุกครั้งหลังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ และ การรับข้อมูลทั้งด้านผลิตภัณฑ์ การบริการ ปัญหาต่างๆ ที่ควรได้รับการแก้ไข
สิ่งที่ได้รับฟังข้อมูลอย่างหนึ่งคือpain point ในตลาดอีวี อย่างเรื่องความมั่นใจในการใช้งานและการบริหารหลังการขาย ซึ่งปัจจุบันตลาดอาจจะได้ยินเสียงร้องเรียนด้านนี้อยู่ไม่น้อย จึงเป็นการบ้านที่แบรนด์ต่าง ๆ จะต้องหาทางแก้ไข
ขณะที่เอ็มจี ยืนยันว่าไม่มีปัญหาด้านนี้ เริ่มตั้งแต่ด้านผลิตภัณฑ์ การที่แบรนด์อยู่ในตลาดมายาวนาน และมีกิจกรรมด้านการผลิตในประเทศไทยกว่า 10 ปี ทำให้มีความพร้อมรองรับด้านอะไหล่ รวมถึงชิ้นส่วนสำคัญอย่างแบตเตอรี เนื่องจากโรงงานระยองมีสายการประกอบแบตเตอรี ที่เดินเครื่องเรียบร้อยแล้ว
และโรงงานแห่งนี้ยังมีบทบาทในการผลิตรถหลากหลายรุ่น และพลังงาน รวมถึง อีวี ซึ่งได้รับการยอมรับในคุณภาพการผลิต และล่าสุด MG4 Electric ยังได้รับการรับรอง “Made in Thailand” (MIT) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ออกโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
ขณะที่ความสะดวกในการใช้งาน เอ็มจี เป็นผู้ประกอบการรายแรก ๆ ที่ดำเนินการติดตั้งเครื่องชาร์จ แบบชาร์จเร็ว ที่เครือข่ายตัวแทนจำหน่ายทุกแห่ง รวมถึงการติดตั้่งเครืองชาร์จสาธารณะ และการร่วมมือกับพันธมิตร
ส่วนเรื่องของการดูแล ซึ่งเป็นอีกข้อกังวลของผู้บริโภค การที่ทำตลาดมานาน เรียนรู้ตลาดมาครอบคลุมทุกด้าน และเครือข่ายการให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศ นั่นยิ่งทำให้ความกังวลของลูกค้าอีวีลดลง และการทำตลาดของเอ็มจีนั้นง่ายขึ้นนั่นเอง