อัปเดตมุมมองหุ้น ‘ช.การช่าง’ BEM และ CKP ช่วยดันกําไร
อัปเดตมุมมองหุ้น "ช.การช่าง" คาดกำไร BEM และ CKP ช่วยหนุนผลงานโตเด่น
หุ้น CK หรือ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย โดยเน้นงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐและเอกชน มีจุดแข็งด้านวิศวกรรมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Engineering) ที่หลากหลาย เช่น ระบบทางด่วนและทางยกระดับ รถไฟฟ้าและระบบราง เขื่อนและโรงไฟฟ้าพลังน้ำ อาคารขนาดใหญ่ และระบบสาธารณูปโภค
นอกจากนี้ CK ยังมีการลงทุนในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านการถือหุ้นในบริษัทลูกและบริษัทร่วมหลายแห่ง ช่วยสร้างกระแสเงินสดระยะยาว (Recurring Income) ได้แก่
CKP: บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า
BEM: บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน ดำเนินธุรกิจรถไฟฟ้าและทางด่วน
TTW: บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำประปา
ทำให้จุดแข็งของบริษัทอยู่ที่การมีรายได้ประจำ (Recurring Income) จากการถือหุ้นในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟฟ้า ทางด่วน และไฟฟ้า เนื่องด้วยโครงสร้างการลงทุนแบบ Holding ที่ช่วยลดความผันผวนจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่มีลักษณะเป็นโครงการเฉพาะกิจ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 บทวิเคราะห์ บล. เคจีไอ ได้ออกมาอัปเดตมุมมองการลงทุนต่อหุ้น CK โดยมีประเด็นสำคัญอยู่ที่การมองว่าส่วนแบ่งกําไรจากบริษัทร่วมจะช่วยหนุนให้กําไรบริษัทเติบโตโดดเด่น
แนะนำ“ซื้อ” หุ้น CK กำหนดราคาเป้าหมายใหม่ที่ 16.80 บาทต่อหุ้น อ้างอิง PE ของค่าเฉลี่ย -1.5S.D ที่ 15 เท่า โดยใช้ EPS เฉลี่ยปี 2568-2569 บนสมมติฐานที่ว่าจะไม่มีโครงการใหม่ๆเข้ามา ซึ่งราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside เหลืออีกราว 40% จากราคาเป้าหมายดังกล่าว
เหตุผลสำคัญ คือ แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 คาดว่าจะประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 สิงหาคมนี้ มีทิศทางที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในส่วนของบริษัทลูกอย่าง BEM และ CKP จะช่วยดันกําไรของ CK ให้โดดเด่นตามไปด้วย
คาดว่า BEM จะแจ้งกําไรไตรมาส 2/2568 ที่ 992 ล้านบาท (-1% YoY แต่ +14% QoQ) หนุนจากเงินปันผลรับจากบริษัทร่วมและการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายมีประสิทธิภาพ ส่วน CKP ประมาณการกําไรไตรมาส 2/2568 ที่578 ล้านบาท (+720% QoQ และ +681% YoY) จากธุรกิจไฟฟ้าพลังน้ำอันแข็งแกร่ง ด้วยปริมาณน้ำไหลเข้ามากและวัฏจักรอัตราดอกเบี้ยขาลง ท่ามกลางค่าเงินบาทแข็งค่าเทียบดอลลาร์สหรัฐ ทำให้บริษัทที่เกี่ยวข้องกับเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง น่าจะบันทึกกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนก้อนใหญ่จากเงินกู้สกุลดอลลาร์ อีกทั้งจัยังมีเงินปันผลรับจาก TTW มูลค่าสูงราว 232 ล้านบาท
โดยปกติแล้วไตรมาส 2-3 ของปี จะเป็นช่วงที่ CK มีกําไรสูงจากเงินปันผลรับ ขณะที่ไตรมาส 3 ก็ยังเป็นพีคไตรมาสของทั้ง CKP และ BEM ด้วย นอกจากนั้น Upside อื่นๆ น่าจะมาจากการรับรู้กําไรของการขายเงินลงทุนในโครงการเขื่อนหลวงพระบางในไตรมาส 3/2568 มูลค่า 2,700 ล้านบาท ซึ่งเรายังไม่ได้รวมตัวเลขนี้อยู่ในกําไร
แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้ CK ยังไม่ได้งานโครงการใหม่ๆ ส่วนการลงนามในโครงการทางด่วนยกระดับมูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาทก็อาจล่าช้าไปถึงปีงบประมาณหน้า เพราะกระทรวงคมนาคมกําลังเร่งผลักดันนโยบายค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายสําหรับรถไฟฟ้าทุกสายในกรุงเทพฯ จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568
ฉะนั้นแล้วการที่ CK อาจได้งานสัญญาใหม่เพียงเล็กน้อย Backlog ในปีนี้อาจลดลง 20% จาก 2 แสนล้านบาท ณ สิ้นปี 2567 และหากย้อนกลับไปอดีตช่วง 10 ปี CK ได้ลงนาม Backlog น้อยที่สุดในปี 2561 มูลค่า 5.4 พันล้านบาท เทียบกับค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ 4 หมื่นล้านบาทต่อปี
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ดีกว่าคาด! ช.การช่าง รายได้สูงสุดในรอบ 8 ปี
- 'ช.การช่าง' ประสบความสำเร็จ เสนอขายหุ้นกู้มูลค่า 5,500 ล้าน
- 'ช.การช่าง' เคาะดอกเบี้ยหุ้นกู้ 4 ชุด สูงสุด 4% ต่อปี
ติดตามเราได้ที่