พิพากษาการเมือง ‘ชินวัตร’ เพื่อไทยซุ่มทำ ‘แคมเปญแจก’ ก่อนยุบสภา
คอลัมน์ : Politics policy people forum
ไทม์ไลน์ชี้ชะตา-วันพิพากษาตระกูลชินวัตร เห็นชัดเป็นรูปร่าง
เมื่อ “ตุลาการภิวัตน์” สำแดงอิทธิฤทธิ์ เพราะคดีของนายกฯพ่อ-ลูก ทักษิณ-แพทองธาร ชินวัตร กำลังเข้าสู่วันชี้ชะตา
อีกทั้งไทม์ไลน์สถานการณ์ และผลของคดีเกี่ยวพันกันทางการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทักษิณระทึกชั้น 14
คดีของครอบครัว “ชินวัตร” ที่จะถึงคิวตัดสินคดีแรก เป็นของอดีตนายกฯทักษิณ คือคดีมาตรา 112 ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาวันที่ 22 สิงหาคม อันเป็นวันที่ตรงกับการกลับประเทศครบ 2 ปี
คดีนี้ “ทักษิณ” มั่นใจว่า “หลุด” เพราะพยานหลักฐานไม่มีน้ำหนัก แต่ฝ่ายคู่แค้นการเมือง-พรรคฝ่ายตรงข้าม ให้รอดูสัญญาณการเมืองในวันนั้น “ทักษิณ” จะมาฟังคำพิพากษาหรือไม่
หากสัญญาณลบอาจไม่ปรากฏตัว และอาจส่งผลสะเทือนต่อคดีของนายกฯแพทองธาร
อิ๊งค์-ทักษิณ ระทึกต้น ก.ย.
เพราะคดีของนายกฯแพทองธาร กรณีที่สมาชิกวุฒิสภา 36 คนได้เข้าชื่อยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ถอดถอนนายกฯแพทองธาร
หลังจากมีคลิปเสียงการสนทนาระหว่างแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่เมื่อ 18 มิถุนายน 2568
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 9 ต่อ 0 รับคำร้อง และมีมติ 7 ต่อ 2 สั่งให้ “แพทองธาร” หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาด พร้อมกับให้ “แพทองธาร” ส่งคำชี้แจงภายใน 15 วัน และขอขยายเวลาต่ออีก 15 วัน เมื่อครบกำหนด
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 ให้ขยายเวลาได้อีก 7 วัน เป็นครั้งสุดท้าย
“เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก (5 ต่อ 4) มีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาออกไปจนถึงวันที่ 4 สิงหาคม 2568 เป็นครั้งสุดท้าย ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 31 ส่วนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย ได้แก่ นายปัญญา อุดชาชน นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายจิรนิติ หะวานนท์ และนายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา”
“อนึ่ง กรณีผู้ถูกร้องไม่ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าผู้ถูกร้องไม่ติดใจที่จะยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และศาลรัฐธรรมนูญจะดำเนินกระบวนการพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 54”
ตามไทม์ไลน์การพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ หลังจากครบกำหนดให้ “แพทองธาร” ยื่นคำชี้แจงในวันที่ 4 สิงหาคมแล้ว ศาลจะพิจารณาว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้หรือไม่
ถ้าศาลเห็นว่ามีข้อมูลหลักฐานเพียงพอ ก็จะนัดประชุมปรึกษาเพื่อพิจารณาและวินิจฉัย โดยใช้เวลา 15-20 วัน บวก
หากเทียบกับคดีของ นายกฯเศรษฐา ทวีสิน นับจากวันที่ศาลนัดประชุมพิจารณาและวินิจฉัย ไปจนถึงวันวินิจฉัยจะใช้เวลา 22 วัน
ดังนั้น หากนำไทม์ไลน์มาเทียบเคียงกับคดี นายกฯ “แพทองธาร” การพิจารณาคดีคาดว่าจะอยู่ช่วงต้นเดือนกันยายน
คดีนี้หากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่า “แพทองธาร” ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม จะต้องพ้นจากเก้าอี้นายกฯ เท่ากับว่าพรรคเพื่อไทยบริหารประเทศมา 2 ปี เปลี่ยนนายกฯไปแล้ว 2 คน
ส่วนคนที่มาใหม่ แน่นอน ชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ คนที่ 3
อาจเป็นเวลาไล่เลี่ยกับคดีนายกฯแพทองธาร คือคดีชั้น 14 ของ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 9 กันยายน
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สั่งไต่สวนโดยเหตุ “ความปรากฏ” กรณี “ทักษิณ” ถูกส่งตัวออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ชั้น 14 โดยไม่ได้กลับเข้าไปอยู่ในเรือนจำ โดยมีคำสั่งออกหมายเรียกพยาน 20 ปากมาไต่สวน โดยนัดไต่สวนทั้งหมด 6 นัด และนัดสุดท้ายเสร็จสิ้นไปเมื่อ 30 กรกฎาคม
ทั้งนี้ ผลแห่งคดี หากปรากฏข้อเท็จจริงไม่อยู่ในเรือนจำ ก็ต้องกลับมาบังคับโทษในเรือนจำ ส่วน ผบ.เรือนจำ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ รวมถึงแพทย์ที่รับรอง สุ่มเสี่ยงที่จะเข้าข่ายผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งต้องส่งต่อให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณา
พท.มั่นใจไม่ยุบสภา
แต่คนในพรรคเพื่อไทยไม่หวั่นไหวต่อคดีต่าง ๆ ของครอบครัว “ชินวัตร”
“อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด” สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประเมินว่า แม้ “แพทองธาร” จะถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ทั้งฝ่ายบริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติ ยังเดินไปได้ตามปกติ และในพรรคไม่มีการคุยเรื่องการยุบสภา โดยเฉพาะตั้งแต่เปิดสภามายังไม่เคยล่มแม้แต่ครั้งเดียว อีกทั้งในวันที่ 13-15 สิงหาคม งบประมาณ 2569 ก็จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร คิดว่ากฎหมายงบประมาณจะต้องผ่านสภาอยู่แล้ว
เร่งปั๊มผลงาน
อนุสรณ์เชื่อว่ารัฐบาลจะไม่ยุบสภา แต่นาทีนี้พรรคเพื่อไทยต้องเร่ง “ปั๊มผลงาน”
หลังจากการปรับคณะรัฐมนตรี โดยที่ไม่มีพรรคภูมิใจไทย นโยบายต่าง ๆ ก็เริ่มขับเคลื่อนเป็นรูปธรรมมากขึ้น เช่น นโยบายปราบยาเสพติด นโยบายลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ก็จะเริ่มออกมาให้เห็น เช่น นโยบายลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย
ราคาสินค้าเกษตรจะต้องเพิ่มขึ้น หลังมีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีว่าการ ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับกระทรวงพาณิชย์ เชื่อว่ารัฐมนตรีคนใหม่มา รัฐบาลจะมีผลงานมากขึ้น
เล็งทำแคมเปญแจก ก่อนยุบสภา
ขณะที่ สส.เพื่อไทยอีกรายวิเคราะห์ว่า สถานการณ์ขณะนี้ การยุบสภาจะไม่เกิดขึ้นจนกว่ารัฐบาลจะสร้างผลงานให้เป็นที่ยอมรับมากกว่านี้ได้ ดังนั้น หากเดือนกันยายนมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ก็จะเลือกนายกฯใหม่เป็นคนของพรรคเพื่อไทย คือ ชัยเกษม นิติสิริ จะไม่ใช่นายกฯของพรรคอื่น เพื่อให้พรรคเพื่อไทยได้สร้างผลงานต่อ
เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ แม้ยังทำไม่ได้เพราะติดเงื่อนไขของ สว. แต่ก็จะผลักดันให้เกิดการทำประชามติ
นโยบายที่หาเสียงไว้ต้องเดินหน้า เช่น ดิจิทัลวอลเลตที่ยังเหลือ 1 เฟส อาจจะต้องฟื้นกลับมาทำ เมื่อสถานการณ์ภาษีทรัมป์คลี่คลาย
มาตรการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนต้องผลักดันให้เป็นรูปธรรม การปล่อยสินเชื่อให้กับ SMEs หรือประชาชน จะต้องง่ายขึ้น หลังมีการเปลี่ยนผู้ว่าฯแบงก์ชาติคนใหม่
“อีกปัจจัยหนึ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ ถ้าหากยุบสภาตอนนี้ พรรคสีส้ม หรือพรรคประชาชนจะเข้ามาจำนวนมาก ดังนั้น ด้วยปัจจัยทั้งหมด การยุบสภาอาจไม่เกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ ต้นปีหน้าอาจเร็วไป”
“รวมถึงต้องรอคดี 25 สส. พรรคประชาชน ที่เสนอแก้ไขมาตรา 112 ก็เป็นอีกปัจจัยชี้ขาด ถ้าแกนนำคนสำคัญของพรรคประชาชนถูกตัดสิทธิ ก็จะทำให้รัฐบาลอยู่ได้นานขึ้น” แหล่งข่าวกล่าว
วันพิพากษาคดี แพทองธาร-คดี ทักษิณ ล้วนชี้ชะตาการเมือง
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : พิพากษาการเมือง ‘ชินวัตร’ เพื่อไทยซุ่มทำ ‘แคมเปญแจก’ ก่อนยุบสภา
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net