โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

อาชญากรรม

แจ้งข้อหา 7 ตำรวจจราจร ผิดพ.ร.บ.อุ้มหาย คดีทำร้ายปชช. ปมจับรถผิดคัน

Amarin TV

เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา
อัยการ-ดีเอสไอ แจ้งข้อหา 7 ตำรวจจราจร ทำผิดพ.ร.บ.อุ้มหาย คดีทำร้ายปชช. ปมจับรถผิดคัน ให้เวลาชี้แจง 15 วัน ก่อนสรุปสำนวนส่งฟ้องศาล

อัยการ-ดีเอสไอ แจ้งข้อหา 7 ตำรวจจราจร ทำผิดพ.ร.บ.อุ้มหาย คดีทำร้ายปชช. ปมจับรถผิดคัน ให้เวลาชี้แจง 15 วัน ก่อนสรุปสำนวนส่งฟ้องศาล

จากกรณี 7 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการตำรวจจราจร ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง จนถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามคำสั่งกองบังคับการตำรวจจราจรที่ 584/2567 ลงวันที่ 4 ธ.ค.67 จากเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายประชาชน เหตุเกิดบริเวณริมถนนประเสริฐมนูกิจ

เป็นเหตุให้นายธนานพ เกิดศรี บุตรชายของ พ.ต.ท.ธนชัย เกิดศรี อดีต สว.กก.2 บก.ปทส. ได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 67 เวลาประมาณ 01.40 น. ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 7 ราย ทราบว่าได้เข้าใจผิดคิดว่ารถคันที่นายธนานพ ขับมานั้นเป็นรถที่แหกด่านจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์หลบหนี เนื่องจากเป็นรถยนต์ ยี่ห้อ รุ่น และสีเดียวกันกับรถคันที่แหกด่านหลบหนีไป กระทั่งตำรวจ 7 ราย ถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน

และต่อมาวันที่ 7 มี.ค. 68 คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 134/2567 โดยมี นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานกำกับการสอบสวนคดีความผิดแห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 หรือ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผอ.กองกิจการอำนวยความยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พร้อมด้วยพนักงานอัยการ และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าทางคดีครั้งที่ 1 และวางกรอบแนวทางการสอบสวนขยายผล รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อพิจารณาความผิดแก่บุคคลที่เกี่ยวข้อง

กระทั่งวันที่ 18 มิ.ย. 68 คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษประชุมสรุปความคืบหน้าทางคดี พร้อมลงมติเเจ้งข้อกล่าวหา 7 เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ตามฐานความผิด พ.ร.บ.อุ้มหายฯ มาตรา 5 คือ ผู้ใดเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นเกิดความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมานอย่างร้ายแรงแก่ร่างกายหรือจิตใจ เพื่อวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งอย่างใด ก่อนนัดหมายผู้ต้องหาให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 9 ก.ค. 68 ตามที่มีการรายงานข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 ก.ค. ที่ ห้องประชุม 1 ชั้น 1 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 134/2567 นำโดย นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานกำกับการสอบสวนคดีความผิดแห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 หรือ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผอ.กองกิจการอำนวยความยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พร้อมด้วยพนักงานอัยการ และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ร่วมกันแจ้งข้อกล่าวหาเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรกลาง 7 ราย ประกอบด้วย

1.ร.ต.อ.ทวีพงษ์ (สงวนนามสกุล) รอง สว.งานสายตรวจ 1 กก.1 บก.จร.

2.ส.ต.อ.วีรพงษ์ (สงวนนามสกุล) ผบ.หมู่ งานสายตรวจ 5 กก.1 บก.จร.

3.ส.ต.อ.ปพนธีร์ (สงวนนามสกุล) ผบ.หมู่ งานสายตรวจ 5 กก.1 บก.จร.

4.ส.ต.อ.กีรติ (สงวนนามสกุล) ผบ.หมู่ งานสายตรวจ 5 กก.1 บก.จร.

5.ส.ต.อ.วัชรวี (สงวนนามสกุล) ผบ.หมู่ งานสายตรวจ 5 กก.1 บก.จร.

6.ส.ต.อ.จักรินทร์ (สงวนนามสกุล) ผบ.หมู่ งานสายตรวจ 1 กก.1 บก.จร.

7.ส.ต.ท.ณัฐพงษ์ ดุษฎี ผบ.หมู่ งานสายตรวจ 2 กก.1 บก.จร.

ในฐานความผิด พ.ร.บ.อุ้มหายฯ มาตรา 5 คือ ผู้ใดเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นเกิดความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมานอย่างร้ายแรงแก่ร่างกายหรือจิตใจ เพื่อวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งอย่างใด ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มาตรา 309 มาตรา 310 และมาตรา 172 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561

ขณะที่ นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผอ.กองกิจการอำนวยความยุติธรรม เปิดเผยว่า สำหรับขั้นตอนในวันนี้คือการเรียกทั้ง 7 ผู้ต้องหาให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งภายหลังมีการแจ้งข้อกล่าวหาเรียบร้อยแล้ว จะต้องมีการปล่อยตัวกลับ ไม่ได้ควบคุมตัวไว้ เพราะผู้ต้องหามีการเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก ไม่มีการหลบหนี ซึ่งระหว่างนี้ภายในเวลา 2 สัปดาห์ หรือ 15 วัน ผู้ต้องหาทั้งหมดมีหน้าที่ในการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาตามความประสงค์ ซึ่งถ้าหากพนักงานสอบสวนได้รับเอกสารการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแล้ว ก็จะต้องมีการตรวจสอบรายละเอียดคำให้การ เพื่อดูว่าจะต้องมีการเรียกสอบสวนปากคำเพิ่มเติมอีกหรือไม่ และเป็นการเรียกเพิ่มในประเด็นใด อย่างไรก็ตาม การสรุปสำนวนพร้อมความเห็นส่งฟ้องผู้ต้องหาไปยังพนักงานอัยการคดีปราบปรามการทุจริต จะเกิดขึ้นภายในเดือน ส.ค. จากนั้นพนักงานอัยการคดีปราบปรามการทุจริต จะมีการสรุปสำนวนสั่งฟ้องไปยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางต่อไป

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในเวลา 09.00 น. ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร (ผู้ต้องหา) ทยอยเดินทางเข้าพบคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษก่อน 6 ราย ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนสวมชุดลำลอง เสื้อยืด กางเกงยีนส์ และมีการปิดบังอำพรางใบหน้าด้วยการสวมหมวกและแมสก์ และพยายามหลบเลี่ยงการบันทึกภาพของสื่อมวลชน จากนั้นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้พาทั้ง 6 รายขึ้นไปด้านบนอาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ห้องประชุม 1 ชั้น 1 เพื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหากับคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ อย่างไรก็ตาม ยังเหลือผู้ต้องหาอีก 1 ราย คือ ส.ต.ท.ณัฐพงษ์ ผบ.หมู่ งานสายตรวจ 2 กก.1 บก.จร. ที่ยังไม่ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนในตอนนี้

นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานกำกับการสอบสวนคดีความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 หรือ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ เปิดเผยว่า คณะทำงานร่วมระหว่างอัยการกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีมติว่า พยานหลักฐานในคดีเพียงพอที่จะดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันทำร้ายผู้ต้องหาจนได้รับอันตรายสาหัส โดยมีการสอบปากคำแพทย์ผู้ตรวจรักษา นักกายภาพบำบัด และผู้เชี่ยวชาญด้านสายตา ซึ่งให้การสอดคล้องกันว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรง รวมถึงมีภาพจากกล้องวงจรปิดที่ชัดเจนในการระบุตัวผู้กระทำความผิด

คดีนี้ยังเข้าข่ายความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา และข้อหาเกี่ยวกับการบังคับขืนใจผู้อื่นให้กระทำการบางอย่างตามมาตรา 309 ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ยังเข้าข่ายผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ด้วย

แม้ผู้ต้องหาบางรายจะไม่ได้ลงมือทำร้ายโดยตรง แต่จากพฤติการณ์และการแบ่งหน้าที่กันทำ อัยการเห็นว่าเข้าข่าย ร่วมกันกระทำความผิดตามหลักกฎหมาย โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในที่เกิดเหตุหรือมีการลงมือทุกคน ซึ่งการสอบสวนดำเนินไปอย่างรอบคอบ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาใช้สิทธิต่อสู้คดีและอ้างพยานหลักฐานอย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอการให้ถ้อยคำ โดยมีกำหนดระยะเวลาภายใน 7–15 วัน ก่อนจะมีการสรุปสำนวนส่งให้อัยการสำนักงานปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบดำเนินการต่อไป

นายวัชรินทร์กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปัจจุบันยังพบปัญหาในกระบวนการจับกุมควบคุมตัวผู้ต้องหาในคดีลักษณะนี้ โดยเจ้าหน้าที่บางหน่วยยังไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด เช่น การไม่แจ้งจับต่ออัยการจังหวัดหรือนายอำเภอในต่างจังหวัด หรือฝ่ายปกครองในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 หากมีการร้องเรียน

ด้านนายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผู้อำนวยการกองกิจการอำนวยความยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า วันนี้ผู้ต้องหาทั้งหมดเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามนัดหมายอย่างพร้อมเพรียง และนำทนายความส่วนตัวมาให้คำแนะนำ ซึ่งทุกคนให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูล และมีการเตรียมเอกสารหรือพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อนำเสนอแก่พนักงานสอบสวน

ดีเอสไอจะดำเนินการสอบสวนให้ครบถ้วน ก่อนสรุปความเห็นสั่งฟ้องส่งต่อไปยังอัยการสำนักงานปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจฟ้องร้องคดีในศาลอาญาคดีทุจริตฯ ตามที่ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ กำหนดไว้ โดยการสอบสวนครั้งนี้ถือว่ารอบคอบรัดกุม ให้ความเป็นธรรมทั้งฝ่ายผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหา

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Amarin TV

ปิดฉาก "ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์" สร้างเม็ดเงินสะพัดกว่า 2 พันล้านบาท

21 นาทีที่แล้ว

2 พระผู้ใหญ่วัดดังยอมสึก เซ่นคลิประเริงกามสีกากอล์ฟ

28 นาทีที่แล้ว

หุ้นเอเชียปิดตลาดผสม หลังทรัมป์ลั่นไม่เลื่อน จะใช้ภาษีใหม่ 1 ส.ค.นี้

38 นาทีที่แล้ว

ผัวป่วยซึมเศร้า! ลั่นไกหัวเมีย 9 นัดสมองกระจุย

44 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความอาชญากรรมอื่น ๆ

เจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉายและผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ยอมสึก ปมคลิปสีกา ก.

ข่าวเวิร์คพอยท์ 23

รวบหนุ่มหัวร้อนยิงผู้เสียหายบาดเจ็บ ก่อนแหกห้องขังโรงพัก นั่งรถไฟหนีเข้ากรุงเทพฯ

สวพ.FM91

รวบเจ้าของบริษัทชาวมาเลเซียคาสนามบิน เอี่ยวเว็บพนันดัง เงินหมุนเวียนกว่า 11,520 ล้านบาท

Khaosod

2 พระผู้ใหญ่วัดดังยอมสึก เซ่นคลิประเริงกามสีกากอล์ฟ

Amarin TV

“ขวัญ” เปิดใจทั้งน้ำตาไม่ไกล่เกลี่ยคดี สว.ดังล่วงละเมิด – ตกใจมากหลังพบคู่กรณีมีคดีค้างเก่า

ข่าวเวิร์คพอยท์ 23

ผัวป่วยซึมเศร้า! ลั่นไกหัวเมีย 9 นัดสมองกระจุย

Amarin TV

ผัวโหดยิงเมียไม่ยั้ง 9 นัด ก่อนเผ่นหนีหลังพ่อตาไล่ฟัน

ข่าวเวิร์คพอยท์ 23

ไซเบอร์ เตรียมยื่นขอหมายแดง เครือข่ายก๊กอาน ผู้ต้องหาอาชญากรรมข้ามชาติ

Amarin TV

ข่าวและบทความยอดนิยม

เกินกว่าเหตุ? ตำรวจ วิ่งกระชากผู้โดยสารไม่ใส่หมวกกันน็อกหัวกระแทกพื้น

Amarin TV

ยุทธนา เผย คืบหน้าคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว.67 สอบปากคำไปแล้วกว่า 60 ปาก

Amarin TV

DSI ชี้แจง ดำเนินการต่อเนื่องไม่ได้ปล่อยผู้ต้องหาฟอกเงินลอยนวล

Amarin TV
ดูเพิ่ม
Loading...