หุ้นเอเชียปิดตลาดผสม หลังทรัมป์ลั่นไม่เลื่อน จะใช้ภาษีใหม่ 1 ส.ค.นี้
ตลาดหุ้นเอเชีย-แปซิฟิกวันพุธที่ 9 กรกฏาคม ปิดตลาดบวกลบผสมกัน หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศตัดความเป็นไปได้ที่รอบนี้จะขยายการขึ้นภาษีออกไปหลังถึงเส้นตายในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ โดยเมื่อวานนี้ ทรัมป์ยังได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าทองแดง 50 เปอร์เซ็นต์ และชี้ว่า ในเร็ว ๆ นี้จะมีการประกาศภาษีสินค้าอื่น ๆ อย่างเฉพาะเจาะจงตามมาด้วย โดยเขาขู่ที่จะขึ้นภาษีเวชภัณฑ์ถึง 200 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม ปิดตลาดวันนี้ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นและเกาหลีใต้กลับปรับตัวขึ้น โดยดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.33 เปอร์เซ็นต์ ไปปิดที่ 39,821.28 ขณะที่ดัชนี Topix ปรับเพิ่มขึ้น 0.41 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 2,828.16
ส่วนดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้ปรับเพิ่มขึ้น 0.6 เปอร์เซ็นต์ ปิดตลาดที่ 3,113.74 และดัชนี Kosdaq ปรับเพิ่มขึ้น 0.78% ปิดที่ 790.36
ขณะที่ดัชนี S&P/ASX 200 ของออสเตรเลีย ปิดตลาดที่ 8,538.60 ปรับลดลง 0.61 เปอร์เซ็นต์ และดัชนี Hang Seng ของฮ่องกง ปิดตลาดปรับตัวลง 1.06 เปอร์เซ็นต์
หุ้นกลุ่มกลาโหมของเกาหลีใต้พุ่ง
หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดบวก เป็นผลมาจากการที่หุ้นกลุ่มบริษัทด้านกลาโหมของเกาหลีใต้ปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันพุธ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวว่า เกาหลีใต้ควรจ่ายงบการปกป้องประเทศด้วยตนเอง โดยทรัมป์บอกว่า เกาหลีใต้มีรายได้มากมาย พวกเขาทำได้ดีมาก และพวกเขาควรจะเป็นคนจ่ายค่าป้องกันประเทศของตนเอง
ทรัมป์มองว่า มันไม่ยุติธรรมเลย ที่สหรัฐฯ ต้องมาคอยสนับสนุนทางการทหารให้กับบรรดาประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง
นักลงทุนจับตาเส้นตายการขึ้นภาษี
นักลงทุนยังคงต้องจับตาเส้นตายการขึ้นภาษีของทรัมป์อย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม วิษณุ วาราธาน หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหภาค ภูมิภาคเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) ของ Mizuho ระบุว่า การจะเลื่อนหรือไม่เลื่อนเส้นตายภาษีทรัมป์กลายเป็นสิ่งที่คอยรบกวน แบ่งความสนใจจากเรื่องภัยคุกคามเศรษฐกิจจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ และกำหนดเส้นตายภาษีเหล่านี้กำลังเบี่ยงความสนใจจากผลลัพธ์ที่เกิดจากภาษี ซึ่งจะมีผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อระบบเศรษฐกิจอุตสาหกรรมโลก
เขายังเตือนว่า เส้นตายภาษีอาจเป็นเพียง “กลยุทธ์ลวงตา” (bait and switch) ขณะที่ภาษีตามภาคส่วนแบบเฉพาะเจาะจงอาจสร้างแรงกดดันให้ภูมิภาคต่าง ๆ ไม่ว่าจะมีข้อตกลงลดภาษีนำเข้าหรือไม่ก็ตาม และสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ หากเมื่อจีนตอบโต้กลับ เพราะภูมิภาคเอเชียโดยรวมมีความเปราะบางมากกว่า เนื่องจากต้องพึ่งพาทั้งสหรัฐฯ และจีน หากมีการปรับขึ้นภาษีเพิ่มเติม อาจโดนแรงบีบจากทั้งจีนและสหรัฐฯ หนักขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภูมิภาคอาเซียน