“กูรูกีฬาไทย” โพสต์ข้อความถึง “ผู้นำกีฬาไทย” กับประเด็นร้อนศึกซีเกมส์ 2025 ระหว่าง “ไทย vs เขมร”
เลอภพ โสรัตน์ อดีตหัวข่าวกีฬาเดลินิวส์ เจ้าของนามปากกา "ทะยานชน" ซึ่งคร่ำหวอดกับวงการกีฬามาหลายสิบปี จนได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในกูรูวงการกีฬาของไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "เลอภพ โสรัตน์" ร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทย จะเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 9-20 ธ.ค. 68 ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา
ระบุว่า…..
เพราะอยากบันทึกไว้ว่าได้ทำ…
บทส่งท้ายถึงผู้นำกีฬาไทย
ที่มาจากประเด็นที่ท่านอยากขับกัมพูชาจากซีเกมส์ และจะร้องมนตรีซีเกมส์ให้ช่วยบอยตอดกัมพูชา ซึ่งถ้าท่านไม่คิดหรือทำอะไรก็คงไม่คิดร่วมแนะเสนอแนวทาง
แต่เมื่อเห็นท่านคิดจะตัดขาดกัมพูชา ก็เห็นควรด้วย จึงทั้งโพสต์ต่อเนื่อง ทั้งยกตัวอย่างมากมาย อ้อมไปอ้อมมา หลายวันที่ผ่านมา เพราะอยากร่วมสู้ด้วย
โดยฐานคิด คือ 1. เชื่อว่ากัมพูชาจะไม่มาซีเกมส์แน่, 2. ผู้นำกีฬารัฐไทยเดินผิดทางผิดเวลา
เอาสรุปง่าย ๆ ชัด ๆ ถึงผู้นำกีฬาหรือรัฐบาลไทย ที่ต้องนำจัดการเรื่องเหล่านี้ เพราะท่านพูดว่าอยากทำ มีดังนี้
1. เวลาสถานการณ์ที่เดือด ผู้นำกีฬาไทย คิดอยากตัดขาดกัมพูชาออกสื่อ แต่ไม่ทำอะไรในช่วงเวลาที่ควรทำ
2. การส่งเรื่องเข้าให้สมาชิกกีฬาอาเซียนช่วยนั้น ถูกทาง แต่ไม่ใช่สิ่งที่จะบอกว่าเด็ดขาดและหวังผลได้
การไม่ทำอะไรในช่วงเวลาที่เหมาะสมนั้นทำให้เห็นว่า
1. ไม่รู้ในแนวทาง คือ พอมีวิกฤติการเมืองเดี๋ยวก็ต้องเจรจา วงการกีฬาก็เหมือนกัน ฉะนั้นแค่การที่เราประกาศตัดขาด เดี๋ยวก็มีการเคลียร์ ส่วนผลจะออกแบบไหน ยังไงเราก็เดินต่อได้แน่ แต่อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นความมีศักดิ์ศรี ในการเป็น เจ้าภาพ-เจ้าบ้าน ที่ถูกรุกรานก่อน ให้คนในชาติได้เห็นในช่วงที่อยากเห็น
2. เห็นความไม่เจนจัด คือ ต้องรู้อยู่แล้วว่า จะมีการประชุมมนตรีซีเกมส์ในไทย ปลาย ส.ค. นี้ กัมพูชาที่เป็นสมาชิกหากไม่มาหรือมาก็ไม่ใส่ใจ เราถ้าได้ประกาศตัดกัมพูชาแล้ว ก็มีโอกาสใช้เวทีนี้ประณามการกระทำของกัมพูชาต่อชาติสมาชิก ที่ทำให้เราต้องปกป้องศักดิ์ศรีได้ต่อชาติเราได้ ซึ่งหากให้มาร่วมก็จะมีปัญหาตามมามาก จะช่วยจัดการอย่างไร และได้ถามด้วยว่า ถ้าเป็นปัญหาที่เกิดกับชาติคุณบ้างแบบที่เราเจอ คุณจะทำอย่างไร และถ้าหากผู้แทนกัมพูชามาประชุมด้วยยิ่งดี เราก็จะได้แสดงจุดยืนชัดเจนต่อหน้า จะขอร้องอย่ามา ให้ถอนตัว หรือ บอกจะเชิญแต่ไม่ต้อนรับก็ยังได้
3. เห็นความไม่ลึกซึ้ง คือ การกลัวหรือเกรงต่อผลที่จะเกิดจากองค์กีฬากีฬานานาชาติ จนต้องหงอนั้น คิดพลาด เพราะหากมีการร้ององค์กรเหล่านี้ แล้วมีการพิจารณา ที่จะสรุปก่อนก็ได้ (มีตัวอย่างมากมาย) คือ ข้อเสนอต่าง ๆ นั้น จะไม่ได้รับการพิจารณาแบบเข้มข้น เพราะไม่ใช่เรื่องของส่วนใหญ่ และมติจะออกมาแนว ๆ โลกสวยว่า ขอให้คู่ขัดแย้งอยู่ร่วมกันอย่างสันติและในเกมกีฬาไม่ควรนำการเมืองมาเกี่ยวข้อง….ดังนั้นหากเราได้ตัดขาด แล้วถูกร้องว่าทำผิดกฎกีฬา การพิจารณาพวกนี้ (ถ้ามี) ก็จะเกิดขึ้นหลังจัดงานผ่านไปแล้ว..หมายถึงว่าจะตัดสินอะไรเราก็ได้ทำไปแล้ว…ผมว่านั่นคือความสำเร็จที่คนไทยไม่รู้เท่าไหร่ และไม่เฉพาะคนกีฬาอยากเห็น
ไม่ติดใจที่จะมีใครคิดต่างเช่นเดิมครับ
*** ขอบคุณภาพจาก…เลอภพ โสรัตน์