33 นาทีแรกของ แรชฟอร์ด

กองหน้าวัย 27 ถูกส่งลงสนามช่วงครึ่งหลัง ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกนาทีที่ 78 ซึ่งตลอดเวลาที่อยู่ในสนามมีจังหวะการเล่นที่ดีหลายจังหวะ

อันดับแรก ผมคิดว่าเกมนี้ แรชฟอร์ด ทำได้ดีในเรื่องการตัดสินใจ การเลือกเล่นในแต่ละเพลย์ พยายามเล่นง่าย เล่นตามจังหวะ ไม่ปล่อยของเยอะจนรุงรัง

จังหวะไหนควรเลี้ยง จังหวะไหนต้องดึงช้า จังหวะไหนต้องคืน จังหวะที่ต้องให้เร็ว ตัดสินใจได้ถูกเกือบทุกจังหวะ

ลงลึกในรายละเอียด อย่าง การเลี้ยงกินตัว แรชฟอร์ด อาจจะไม่ผ่านคู่ต่อสู้เลยทั้ง 2 ครั้ง ซึ่งตรงนี้ก็ต้องไปว่ากันในส่วนของสภาพร่างกาย จังหวะจะโคนที่ต้องอาศัยเวลาอีกสักระยะ แต่ถ้าว่ากันที่การตัดสินใจว่าต้องทำอะไรในสถานการณ์นั้นๆ ผมเห็นว่าเขาเลือกได้ถูกต้อง

ในส่วนของการเคลื่อนที่ แรชฟอร์ด ก็ทำได้ดี ขยับหาพื้นที่ว่างเพื่อรับบอลตลอดเวลา ซึ่งจะเห็นได้ว่าตลอด 33 นาที เขามีส่วนร่วมกับเกมค่อนข้างเยอะ ได้รับบอลจากเพื่อนในตำแหน่งสวยๆหลายครั้ง ส่วนสำคัญมาจากการขยับของเขา ที่พาตัวเองไปอยู่ในตำแหน่งที่เพื่อนเห็นได้ง่าย

ความเข้าใจในเกมก็ไม่แย่เลย ด้วยประสบการณ์นั่นแหละครับที่ช่วยได้เยอะ แรชฟอร์ด เลยเข้าใจได้ไม่ยากว่าตัวเองจะต้องไปอยู่ตรงไหน เมื่อเพื่อนเคลื่อนที่

เช่นจังหวะที่ทีมบิวด์อัพจากแดนหลัง เมื่อเห็น เลวี่ ลงต่ำไปกลางสนาม แรชฟอร์ด ก็ขยับจากริมเส้นเข้าในไปยืนเป็นศูนย์หน้าแทน เปิดพื้นที่ทางกราบซ้ายให้ โจเฟร ขึ้นสูงมาเป็นปีก

หรืออย่างเพลย์ที่สลับตำแหน่งกับ โอลโม่ เข้าไปอยู่ในกรอบเพื่อรอจบสกอร์ นั่นก็สวย แสดงให้ว่าอ่านเกม อ่านการเคลือนไหวของเพื่อนอยู่ตลอด

มาถึงชอตเด็ด คือการมีส่วนร่วมในการทำประตู

จังหวะนี้เกิดขึ้นในนาที น.77 จากจังหวะที่ทีมเสียฟรีคิก แรชฟอร์ด ลงต่ำไปช่วยเกมรับและเก็บบอลจังหวะสองได้ จากนั้นแทงเข้าช่องให้ เลวานดอฟสกี้ จนนำไปสู่การได้ประตูนำ 2-1 จาการยิงของ รูนี่ บาร์ดจี

เพลย์นี้ แรชฟอร์ด ทำได้สมบูรณ์แบบครับ ถูกทุกข้อ !

ในส่วนของเกมรับที่เจ้าตัวมักโดนวิจารณ์อยู่เสมอ ในเกมกับ วิสเซล โกเบ ถือว่าทำได้ดีในระดับนึง

น.49 อ่านจังหวะ ตัดบอลได้ให้ทีมได้

น.64 สปีดลงมาช่วยดีเลย์เกมในจังหวะทีมเสียการครองบอล

ในภาพรวม แรชฟอร์ด ทำผลงานได้น่าประทับใจ มติถือเป็นเอกฉันท์

สปอร์ต สื่อกาตาลันให้คะแนนความสามารถที่ 7 คะแนน โดยทิ้งน้ำหนักไปที่การมีส่วนร่วมกับประตูและการเล่นที่แสดงให้เห็นถึงความกระหาย

ตรงนี้มีคนตั้งคำถามกันเยอะว่า แล้วทำไมที่ แมนฯยูไนเต็ด เขาไม่แสดงอะไรแบบนี้ออกมา ? ตรงนี้เป็นเรื่องที่มีรายละเอียดมากมาย ขออนุญาตข้ามไป (เดี๋ยวจะยาว)

บางท่านคอมเมนท์ว่า ช่วงนี้อาจเป็นช่วงโปรโมชั่น ต้องรอดูกันยาวๆ

ก็เห็นจะจริงส่วนนึงครับ เพราะ 2 ปีที่ผ่านมา แรชฟอร์ด ดูเอื่อยเฉื่อยไม่เหมือนเกมที่ ญี่ปุ่น เลย ซึ่งของแบบนี้ต้องดูกันยาวๆ

เพราะ "การลุกขึ้นสู้ ไม่ยากเท่ากับการยืนหยัดเพื่อมัน"

ในวันนี้ แรชฟอร์ด มีแรงกระตุ้น เปี่ยมด้วยความกระหายที่จะพิสูจน์ตัวเอง ด้วยวัยของเขา ทุกคนต่างรู้ดีว่านี่คือโอกาสสุดท้ายที่จะรั้งตัวเองอยู่ในฟุตบอลระดับสูง ถ้าหลุดจากนี้แล้ว ไม่แคล้วต้องลงไปเล่นทีมเล็ก หรือไม่ก็ไปโกยเงินที่ตะวันออกกลาง

หากแต่ไฟที่ลุกโชนในตอนนี้ จะลุกโชติช่วง หรือมอดดับลง เวลาเท่านั้นจะเป็นคำตอบ

ในยามที่ทุกอย่างยังไปได้สวยอะไรๆมันก็ดีอยู่หรอกครับ

แต่ในยามที่ไม่เป็นดั่งใจหวังล่ะ แรชฟอร์ด จะรับมือกับมันด้วยทัศนคติแบบไหน ?

หากเปิดฤดูกาลแล้วพบว่าตัวเองนั่งอยู่ที่ม้านั่งสำรอง หากผ่านไปสัก 2 เดือนแล้วมีส่วนร่วมกับทีมน้อยนิด ความกระหาย แรงจูงใจจะลดลงหรือเปล่า ?

ตรงนี้มีเพียง แรชฟอร์ด เท่านั้นที่ตอบได้

แต่ในมุมของฟุตบอล การมาของ แรชฟอร์ด ถือเป็นการเพิ่มมิติใหม่ๆในการเล่นของ บาร์ซ่า อย่างชัดเจน

อย่างน้อยในเชิงแท็คติก แรชฟอร์ด มีความแตกต่างจาก ราฟินญ่า ชัดเจน

ปีกบราซิเลี่ยนยืนปีกซ้ายก็จริง แต่ชอบขยับเข้าไปเล่นข้างใน ทั้งวิ่งช่อง และเล่นร่วมกับเพื่อน ขณะที่ดาวยิงอังกฤษจะยืนติดเส้น สร้างเกมรุกจากกราบ มิติการเล่นจะกว้างกว่า (ไม่ได้หมายความว่าของใครดีกว่ากันนะ ระหว่างแคบกับกว้าง)

ตรงนี้คนที่ได้ประโยชน์ไปเต็มๆก็คือทีมและฮันซี่ ฟลิค ที่จะมีเกมรุกที่หลากหลายขึ้นในการเจาะเกมรับคู่ต่อสู้

ของแบบนี้ เทรนเนอร์ยังไงก็ชอบแน่ครับ ส่วนนักเตะไม่มีใครอยากนั่งสักคน ซึ่งนั่นแหละคือสิ่งที่ แรชฟอร์ด ต้องสู้แบบสุดใจ หากหวังให้ บาร์ซ่า ยอมควักเงิน 35 ล้านยูโรในเดือนมิถุนายนปีหน้า

#เจมส์ลาลีกา