สธ. ไทยเฝ้าระวัง ‘ไข้หวัดนก’ ในกัมพูชา เปิดข้อมูลผู้เสียชีวิตรายล่าสุดเมื่อ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พญ.จุไร วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิและโฆษกกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย นพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิและโฆษกกรมควบคุมโรค ร่วมแถลงข่าวเฝ้าระวังโรคหน้าฝนเดือนสิงหาคม ว่า โรคที่ต้องเฝ้าระวังในช่วงฤดูฝน นอกจากโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจแล้วยังมีโรคอื่นด้วย ได้แก่ 1.โรคติดเชื้อสเตร็ปโตคอคคัส ซูอิส หรือ ไข้หูดับ หรือไข้หมูดิบ พบผู้ป่วยสะสม 593 ราย เสียชีวิต 37 ราย อัตราป่วยตายอยู่ที่ 6.2% นับเป็นอัตราที่สูงมาก การระบาดปีนี้ยังใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยพบการระบาด 2 เหตุการณ์ ที่ จ.กำแพงเพชร มีผู้ป่วย 14 ราย เสียชีวิต 1 ราย และ จ.บุรีรัมย์ ผู้ป่วย 3 ราย เสียชีวิต 1 ราย ซึ่งผู้ป่วยพบมากในภาคเหนือตอนล่างและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยผู้เสียชีวิตรายล่าสุด เป็นเพศชาย อายุ 58 ปี อาชีพเกษตรกร เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ด้วยอาการไข้สูง ปวดตามตัว วันรุ่งขึ้นมาแพทย์พบตรวจเชื้อพบว่าติดเชื้อสเตร็ปโตคอคคัส ซูอิส แต่ผู้ป่วยก็เสียชีวิตในวันที่ 5 กรกฎาคม โดยปัจจัยเสี่ยงสำคัญ คือ การซื้อเนื้อหมูจากร้านค้า มาทำเมนูลาบหมูดิบ ทั้งนี้ อาการของโรคไข้หูดับ มีระยะฟักตัว 1-14 วัน ไข้สูง ปวดตัว ปวดศีรษะ จึงขอให้ประชาชนเลี่ยงการทานเนื้อหมูปรุงสุกดิบๆ ไม่ใช้ช้อนส้อมปนกับอาหารที่สุกแล้ว เพราะจะทำให้เชื้อปนเปื้อนได้
2.โรคเมลิออยโดสิส หรือ โรคไข้ดิน พบผู้ป่วยแล้ว 2,036 ราย เสียชีวิต 92 ราย อัตราป่วยตายอยู่ที่ 4.52% โดยผู้ป่วยพบมากในอาชีพเกษตรกร และรับจ้างทั่วไป พบผู้ป่วยได้ทั่วประเทศ แต่จะสูงสุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเพศใหญ่ อายุเฉลี่ย 58 ปี ผู้เสียชีวิตจะมีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ไตวาย และพิษสุราเรื้อรัง ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง หายใจหอบเหนื่อย โดยปัจจัยรับเชื้อเกิดจากการสัมผัสพื้นดิน พื้นน้ำโดยไม่สวมอุปกรณ์ป้องกัน 3.โรคเลปโตสไปโรสิส หรือ ไข้ฉี่หนู พบผู้ป่วยสะสม 1,895 ราย เสียชีวิต 25 ราย อัตราป่วยตาย 1.32% เป็นโรคที่พบมากในฤดูฝน เนื่องจากการลุยน้ำโดยไม่สวมอุปกรณ์ป้องกัน ปีนี้พบผู้ป่วยสูงกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปีย้อนหลัง โดยผู้ป่วยพบมากในอายุ 60 ปีขึ้นไปเช่นเดียวกับกลุ่มที่เสียชีวิต ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีน้ำท่วมหลายจังหวัด จึงขอให้ประชาชนป้องกันตนเองไม่ให้รับเชื้อ เลี่ยงการลุยน้ำ แช่น้ำ แต่ถ้าจำเป็นต้องสวมรองเท้าป้องกัน เป็นรองเท้าบู๊ตและสวมถุงมือ พร้อมทั้งล้างมือบ่อยๆ
4.โรคแอนแทกซ์ ขณะนี้พบผู้ป่วยสะสม 7 ราย เสียชีวิต 1 ราย เป็นประชาชนใน จ.มุกดาหาร และ สระแก้ว โดยมีการรายงานโรคแอนแทกซ์ในหลายประเทศ เช่น คีร์กีซสถาน ฝรั่งเศส ไนจีเรีย คองโก ซิมบับเว เป็นต้น ซึ่งการติดเชื้อใน 3 ช่องทางหลักคือ การสัมผัส การทาน และการหายใจ แต่การติดเชื้อในประเทศไทยส่วนใหญ่มาจากการสัมผัส การชำแหละเนื้อวัว จึงแนะนำประชาชนให้เลี่ยงการสัมผัสสัตว์ที่ตายโดยไม่ทราบสาเหตุ ส่วนประชาชนที่พบอาการป่วยเช่น ไข้สูง ปวดท้อง คลื่นไส้ ท้องเสีย เริ่มมีแผลคล้ายบุหรี่จี้
และ 5.โรคไข้หวัดนก สถานการณ์ทั่วโลกยังคงพบการติดเชื้อต่อเนื่อง ผู้ป่วยสะสม 986 ราย เสียชีวิต 473 ราย อัตราป่วยตายอยู่ที่ 48% ซึ่งความเสี่ยงของประเทศไทยอยู่ในระดับต่ำ ไม่พบการติดเชื้อมา 19 ปี แต่ต้องเฝ้าระวังผ่านแนวคิดสุขภาพหนึ่งเดียว (One Health) ร่วมกับกรมปศุสัตว์ และกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพราะประเทศเพื่อนบ้านยังคงพบการติดเชื้อต่อเนื่อง ทั้งนี้ สถานการณ์ไข้หวัดนกในประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นประเทศใกล้กับไทย ยังพบผู้ป่วยอยู่ เป็นสิ่งที่เราต้องระวังใกล้ชิด กัมพูชาพบผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2566-2568 รวม 26 ราย เสียชีวิต 11 ราย โดยข้อมูลเฉพาะปี 2568 พบ 13 ราย เสียชีวิต 6 ราย เช่นใน จ.เสียมราฐ 4 ราย, ตาแก้ว 2 ราย เสียชีวิต 1 ราย, กระแจะ 1 ราย เสียชีวิต 1 ราย, สวายเรียง 1 ราย เสียชีวิต 1 ราย เป็นต้น ซึ่งผู้ป่วยที่เสียชีวิตรายล่าสุด เกิดเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม โดยสายพันธุ์ที่พบเป็นสายพันธุ์เดียวกับที่พบในประเทศลาวและเวียดนาม คือ A(H5N1) โดยมีข้อมูลที่น่าสนใจคือ ผู้ป่วยพบทั้งเด็กและผู้ใหญ่ คือ เด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี พบ 3 ราย, อายุ 5-18 ปี พบ 2 ราย และอายุ 18-65 ปี พบ 8 ราย และทั้งหมดมีประวัติสัมผัสสัตว์ปีก แม้ว่าสถานการณ์ติดเชื้อในกัมพูชารุนแรง แต่ยังไม่มีรายงานการแพร่เชื้อจากคนสู่คน
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : สธ. ไทยเฝ้าระวัง ‘ไข้หวัดนก’ ในกัมพูชา เปิดข้อมูลผู้เสียชีวิตรายล่าสุดเมื่อ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th