พลิกข้อกฎหมายรอตั้ง 'ภูมิธรรม' รักษาการนายกฯแทน 'แพทองธาร'
ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว ระหว่างพิจารณาคำร้องกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จ ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งถูกมองว่าอาจเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จากพรรคเพื่อไทย ต้องขึ้นดำรงตำแหน่ง "รักษาการนายกรัฐมนตรี" ตามมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงกระบวนการทางกฎหมาย เพื่อแต่งตั้ง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ขึ้นเป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แทน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว ว่า ขั้นตอนถัดไปคือ นายสุริยะ จะนำคณะรัฐมนตรี(ครม.) ชุดใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2568
หลังจากพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว ครม. จะมีการประชุมเพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 41 ที่บัญญัติว่า "ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีรองนายกรัฐมนตรีหลายคน ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน"
ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวระบุว่า ในการประชุมครั้งนี้ที่ประชุมครม.จะเลือกให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้เป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
เมื่อครม.มีมติเลือกนายภูมิธรรมเป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีแล้ว ขั้นตอนต่อไปนายภูมิธรรมจะใช้อำนาจตาม มาตรา 11(2) ของพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 "มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีกำกับการบริหารราชการของกระทรวง หรือทบวงหนึ่งหรือหลายกระทรวงหรือทบวง"
การดำเนินการดังกล่าวจะทำให้นายภูมิธรรมสามารถแบ่งงานและมอบหมายรองนายกรัฐมนตรีให้กำกับดูแลการบริหารราชการของกระทรวงต่างๆ ได้อย่างเป็นระบบ
นอกจากนี้ยังทำให้นายภูมิธรรม สามารถใช้อำนาจตามมาตรา 11 ของพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ได้ตามที่บัญญัติไว้ ดังนี้
มาตรา 11 นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
(1) กำกับโดยทั่วไปซึ่งการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อการนี้จะสั่งให้ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค และส่วนราชการซึ่งมีหน้าที่ควบคุมราชการส่วนท้องถิ่น ชี้แจง แสดงความคิดเห็น ทำรายงานเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการ ในกรณีจำเป็นจะยับยั้งการปฏิบัติราชการใด ๆ ที่ขัดต่อนโยบายหรือมติของคณะรัฐมนตรีก็ได้และมีอำนาจสั่งสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการของราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค และราชการส่วนท้องถิ่น
(2)มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีกำกับการบริหารราชการของกระทรวง หรือทบวงหนึ่งหรือหลายกระทรวงหรือทบวง
(3) บังคับบัญชาข้าราชการฝ่ายบริหารทุกตำแหน่งซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรม และส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเป็นกรม
(4) สั่งให้ข้าราชการซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรมหนึ่งมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยจะให้ขาดจากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิมหรือไม่ก็ได้ ในกรณีที่ให้ขาดจากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิม ให้ได้รับเงินเดือนในสำนักนายกรัฐมนตรีในระดับ และขั้นที่ไม่สูงกว่าเดิม
(5) แต่งตั้งข้าราชการซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรมหนึ่งไปดำรงตำแหน่งของอีกกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง โดยให้ได้รับเงินเดือนจากกระทรวง ทบวง กรมเดิม ในกรณีเช่นว่านี้ให้ข้าราชการซึ่งได้รับแต่งตั้งมีฐานะเสมือนเป็นข้าราชการสังกัดกระทรวง ทบวง กรม ซึ่งตนมาดำรงตำแหน่งนั้นทุกประการ แต่ถ้าเป็นการแต่งตั้งข้าราชการตั้งแต่ตำแหน่งอธิบดีหรือเทียบเท่าขึ้นไปต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
(6) แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธานที่ปรึกษา ที่ปรึกษา หรือคณะที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี หรือเป็นคณะกรรมการเพื่อปฏิบัติราชการใด ๆ และกำหนดอัตราเบี้ยประชุมหรือค่าตอบแทนให้แก่ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้ง
(7) แต่งตั้งข้าราชการการเมืองให้ปฏิบัติราชการในส านักนายกรัฐมนตรี
ขณะที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แม้จะถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่แล้ว แต่ยังคงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้
ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะส่งผลต่อการบริหารประเทศและการดำเนินนโยบายรัฐบาลอย่างไร โดยเฉพาะในช่วงที่ศาลรัฐธรรมนูญยังคงพิจารณาคำร้องดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในระยะเวลาต่อไป