ทรัมป์ลดภาษีอินโดนีเซียเหลือ 19% แลกงดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศในวันอังคารว่า สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษี 19% สำหรับสินค้าจากอินโดนีเซียภายใต้ข้อตกลงใหม่ระหว่างทั้งสองประเทศ พร้อมระบุว่า ข้อตกลงเพิ่มเติมจะตามมาในอนาคต เนื่องจากเขายังคงผลักดันให้มีการเจรจาเงื่อนไขที่ดีกว่ากับคู่ค้าทางการค้าและเส้นทางในการลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ

ข้อตกลงกับอินโดนีเซียซึ่งเป็นคู่ค้าทางการค้าที่มีขนาดเล็กในสหรัฐฯ นี้เป็นหนึ่งในไม่กี่ข้อตกลงที่บรรลุผลโดยรัฐบาลทรัมป์ ก่อนที่เส้นตายวันที่ 1 สิงหาคมจะมาถึง ซึ่งภาษีสำหรับสินค้านำเข้าจากส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ จะถูกปรับเพิ่มขึ้นอีก และการประกาศนี้เกิดขึ้นในขณะที่สหภาพยุโรป ซึ่งเป็นคู่ค้าทางการค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ กำลังเตรียมมาตรการตอบโต้หากการเจรจาระหว่างวอชิงตันและคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ ล้มเหลว

ภายใต้เส้นตายวันที่ 1 สิงหาคม การเจรจากำลังดำเนินไปกับประเทศอื่นๆ ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการถูกเก็บภาษีเพิ่มเติมในสินค้าของตนที่ส่งออกมายังสหรัฐฯ นอกเหนือจากอัตราภาษีพื้นฐาน 10% ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา

การดำเนินนโยบายภาษีของทรัมป์นี้ได้พลิกโฉมแนวโน้มหลายทศวรรษในการลดอุปสรรคทางการค้า ซึ่งมักจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและตลาดการเงินทั่วโลก ข้อมูลจากการประกาศภาษีล่าสุดของทรัมป์จนถึงวันที่ 13 กรกฎาคม แสดงให้เห็นว่าอัตราภาษีเฉลี่ยที่แท้จริงของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นเป็น 20.6% จากที่เคยอยู่ระหว่าง 2% ถึง 3% ก่อนที่ทรัมป์จะกลับสู่ทำเนียบขาวในเดือนมกราคม ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1933

ทรัมป์ได้อธิบายถึงข้อตกลงกับอินโดนีเซียว่าเป็นข้อตกลงที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับข้อตกลงล่าสุดที่ได้ทำกับเวียดนาม โดยจะมีภาษีคงที่สำหรับสินค้านำเข้าจากอินโดนีเซียสู่สหรัฐฯ ซึ่งสูงกว่าภาษี 10% ที่มีอยู่ในปัจจุบันเป็นสองเท่า และไม่มีการเก็บภาษีสำหรับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ไปยังอินโดนีเซีย ข้อตกลงนี้ยังรวมถึงอัตราภาษีสำหรับการส่งสินค้าผ่านอินโดนีเซียจากประเทศจีนและการตกลงซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ จำนวนหนึ่ง

“พวกเขาจะจ่ายภาษี 19% และเราจะไม่ต้องจ่ายอะไรเลย… เราจะสามารถเข้าถึงอินโดนีเซียได้เต็มที่ และเรามีข้อตกลงแบบนี้อีกไม่กี่ข้อที่กำลังจะประกาศ” ทรัมป์กล่าวนอกห้องทำงานประธานาธิบดี หลังจากนั้นทรัมป์ได้กล่าวในแพลตฟอร์ม Truth Social ว่า อินโดนีเซียตกลงที่จะซื้อผลิตภัณฑ์พลังงานจากสหรัฐฯ มูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์ สินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ มูลค่า 4,500 ล้านดอลลาร์ และเครื่องบินโบอิ้ง 50 ลำ แม้ว่าจะไม่มีการระบุกรอบเวลาสำหรับการซื้อเหล่านี้

ในขณะที่การค้าระหว่างอินโดนีเซียและสหรัฐฯ มีมูลค่ารวมเกือบ 40,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2024 ซึ่งไม่จัดอยู่ในอันดับ 15 คู่ค้าทางการค้าที่สำคัญที่สุดของสหรัฐฯ แต่การค้าระหว่างสองประเทศนี้กำลังเติบโต โดยการส่งออกจากสหรัฐฯ ไปยังอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น 3.7% ในปีที่แล้ว ขณะที่การนำเข้าจากอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น 4.8% ทำให้สหรัฐฯ มีการขาดดุลการค้ากับอินโดนีเซียเกือบ 18,000 ล้านดอลลาร์