'ปูติน' ไม่แคร์ดีลสันติภาพ แต่ตัวเลขเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ร่ำร้องว่า 'แคร์เถอะ' !
เศรษฐกิจรัสเซียที่ตกต่ำ การเติบโตที่ชะลอตัว และการขาดดุลที่ขยายตัวมากขึ้น อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันให้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ต้องพิจารณาถึงการเจรจากับยูเครน
คุณไม่ผิดหรอกหากคิดว่าปูตินไม่สนใจที่จะบรรลุดีลสันติภาพ เมื่อดูจากการปฏิเสธทำข้อตกลงหยุดยิงกับยูเครน และยังคงเดินหน้าโจมตียูเครนอย่างต่อเนื่อง และแทบไม่ส่งสัญญาณเลยว่าจะมีการเสนอข้อตกลงสันติภาพ หรือยอมรับข้อตกลงในเร็วๆ นี้
ยิ่งไปกว่านั้น การตอบสนองอย่างเย็นชาของเครมลินต่อคำมั่นสัญญาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐที่จะจัดการประชุมทวิภาคีระหว่างปูตินและประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน เผยให้เห็นสัญญาณบางอย่าง ซึ่งรัสเซียแทบไม่แสดงความคิดเห็นต่อข้อเสนอเรื่องการเจรจา ยิ่งเรื่องการยอมรับข้อตกลงยิ่งไม่ต้องพูดถึง
แต่รัสเซียจะนิ่งเฉยต่อดีลสันติภาพได้นานแค่ไหน เมื่อเศรษฐกิจของประเทศกำลังตกอยู่ในช่วงที่ยากลำบาก
กระทรวงการคลังรัสเซียรายงานเมื่อต้นเดือน ส.ค. ว่า ประเทศขาดดุลงบประมาณแตะ 4.88 ล้านล้านรูเบิลแล้ว หรือเกือบ 2 ล้านล้านบาท ในระหว่างเดือน ม.ค.- ก.ค. ปีนี้ คิดเป็นประมาณ 2.2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) และในช่วงเวลาดังกล่าว การใช้จ่ายของรัฐบาลก็พุ่งสูง 20.8% สู่ระดับ 25.19 ล้านล้านรูเบิล หรือราว 10 ล้านล้านบาท
นอกจากนี้รัฐบาลยังมีค่าใช้จ่ายด้านกลาโหมที่สูงมากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งได้รับแรงหนุนมาจากการจำหน่ายน้ำมันและก๊าซให้กับพันธมิตรของตนเอง เช่น จีน และอินเดีย และมีรายได้จากภาษีเพิ่ม
อย่างไรก็ตาม รายได้ส่งออกน้ำมันลดลง ท่ามกลางการคว่ำบาตรที่มีต่อรัสเซียและอุปสงค์โลกที่ลดน้อยลง นั่นหมายความว่า เครมลินอาจต้องพิจารณาลดการใช้จ่ายอื่นๆ หรือขึ้นภาษีอีก
ขณะที่เดียวกัน แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจก็ไม่สดใสนัก ในปี 2567 เศรษฐกิจรัสเซียเติบโต 4.3% แต่ปีนี้ธนาคารกลางรัสเซียคาดว่า เศรษฐกิจอาจขยายตัวน้อยกว่ามาก ที่ระดับเพียง 1-2% เท่านั้น ข้อมูลนี้ถือเป็นความเสี่ยงสำหรับเครมลินที่กำลังพิจารณาว่าจะทำข้อตกลงสันติภาพ หรือเดินหน้าทำสงครามกับยูเครนต่อขณะที่กำลังได้เปรียบในสนามรบ
อเล็กซานเดอร์ โคลยันเดอร์ นักวิจัยอาวุโสของศูนย์วิเคราะห์นโยบายยุโรป (CEPA) ระบุในบทวิเคราะห์เมื่อปลายเดือน ก.ค. ว่า สำหรับเครมลินแล้ว เศรษฐกิจเติบโตต่ำในช่วงเวลาสั้นๆ นั้น พอทนได้ และเมื่อรวมเรื่องราคาน้ำมันที่ลดลง ก็แค่ทำให้รายได้ทางการคลังน้อยลง แต่สิ่งที่ต้องเดิมพันหลักๆ คือ เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงจะต้องไม่กลายเป็นเศรษฐกิจถดถอยในระยะยาว
“รัฐบาลสามารถคงการใช้จ่ายกลาโหมและทางสังคมไว้ได้มาตลอด แต่อาจต้องตัดการใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งอาจเข้าสู่เส้นทางที่อันตราย”
โคลยันเดอร์ เตือนด้วยว่า การลดการใช้จ่ายหรือมาตรการรัดเข็มขัดอาจทำให้เศรษฐกิจและการขึ้นค่าจ้างชะลอตัวลงไปอีกในช่วงที่ถูกคว่ำบาตร ราคาน้ำมันตกต่ำ และมีความท้าทายมากมายต่อสิทธิ์ในทรัพย์สินซึ่งทำให้การลงทุนของภาคเอกชนลดลง
“ในทางกลับกัน ถ้ารัฐบาลไม่ลดการสนับสนุนทางการเงิน อาจมีความเสี่ยงเกิดเงินเฟ้อสูงได้อีก” นักวิจัย CEPA เตือน
แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ที่ส่วนใหญ่มาจากการใช้จ่ายด้านกลาโหมที่พุ่งสูง การคว่ำบาตร การขาดแคลนแรงงานที่ทำให้เกิดความไม่สมดุลในอุปทานและอุปสงค์ในภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ และราคาอาหารแพงนั้น ล้วนเป็นสิ่งที่เครมลินต้องตระหนักท่ามกลางความกังวลว่าเศรษฐกิจกำลังระอุ
อย่าเพิ่งวางใจเงินเฟ้อลดลง
ซีเอ็นบีซีรายงานว่า แบงก์ชาติรัสเซียใช้เวลาหลายปีในการพยายามควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องของประเทศ ซึ่งแตะ 17.1% หลังจากที่รัสเซียรุกรานยูเครนในเดือน ก.พ. 2565 และดูเหมือนว่าความพยายามดังกล่าวจะประสบความสำเร็จ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อลดลงเหลือ 8.8% ในเดือน ก.ค. และนั่นทำให้แบงก์ชาติรัสเซียลดอัตราดอกเบี้ย 2% สู่ระดับ 18% ในเดือนก่อน หลังจากลด 1% ในเดือน มิ.ย. นอกจากนี้ ยังปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อปี 2568 และคาดว่าจะเหลือ 4% ในปี 2569
ธนาคารกลางเผยหลังจากประชุมเมื่อวันที่ 25 ก.ค. ว่า การเติบโตของอุปสงค์ภายในประเทศชะลอตัว และเศรษฐกิจกำลังกลับสู่เส้นทางการเติบโตที่สมดุล แต่โคลยันเดอร์บอกว่า“เส้นทางการเติบโตที่สมดุล” เป็นเพียง “คำพูดสวยหรูสำหรับการบอกถึงการเติบโตที่ชะลอตัว” และเตือนว่า การที่แบงก์ชาติรัสเซียอ้างว่าได้รับชัยชนะเหนือเงินเฟ้อนั้น มาพร้อมกับ "ราคาที่ต้องจ่าย”
เศรษฐกิจรัสเซียเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีระบุว่า ปูตินตระหนักถึงความท้าทายทางเศรษฐกิจที่รัสเซียเผชิญอย่างเต็มที่ และเตือนเมื่อเดือน มิ.ย. ว่า ต้องไม่ปล่อยให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย
“การเติบโตอย่างสมดุลคือ เงินเฟ้ออยู่ระดับปานกลาง การว่างงานต่ำ และไดนามิกของเศรษฐกิจเป็นบวกต่อเนื่อง ขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญบางคนได้ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจซบเซา ไปจนถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย เรื่องนี้ไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้นไม่ว่าในกรณีใด” ปูตินกล่าวสุนทรพจน์ในงาน St. Petersburg International Economic Forum
ข้อมูลการเติบโตของเศรษฐกิจรัสเซียล่าสุดบ่งชี้ว่ายังคงชะลอตัวต่อเนื่อง โดยในไตรมาสที่สองของปีนี้เติบโตเพียง 1.1% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี ลดลงจาก 1.4% ในไตรมาสแรกของปีนี้
เลียม พีช นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสตลาดเกิดใหม่จากแคปิตอล อีโคโนมิกส์ ระบุในอีเมลวิเคราะห์ในเดือนส.ค. ว่า เศรษฐกิจรัสเซียชะลอตัวอย่างชัดเจน ท่ามกลางความไม่สมดุลที่เกิดขึ้นจากผลกระทบของสงคราม และคาดว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวต่อเนื่องในไตรมาสต่อไป
“ภาพใหญ่คือ เศรษฐกิจรัสเซียกำลังชะลอตัวภายใต้แรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงและความพยายามจะทำสงครามต่อไป การเติบโตที่ซบเซาในระยะยาวกำลังรออยู่”
พีช บอกด้วยว่า ผลสำรวจความรู้สึกทางธุรกิจและความสนใจลงทุนลดลงสู่ระดับต่ำในรอบหลายปี ตลาดแรงงานก็ชะลอตัว แต่อุปสงค์ที่ซบเซาอาจทำให้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อบรรเทาลง อย่างไรก็ตาม แคปิตอลอีโคโนมิกส์คาดว่า จีดีพีรัสเซียอาจเติบโตเพียง 0.8% ในปี 2568 และมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะถดถอยในปีนี้