ตลาดหุ้นจีนร้อนแรงสวนทางเศรษฐกิจซบเซา นักวิเคราะห์เตือนระวัง ‘ฟองสบู่’ คล้ายวิกฤตปี 2015
ตลาดหุ้นจีนกำลังทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง สวนทางกับภาพความเป็นจริงของเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญแรงกดดันรอบด้าน ทั้งจากผลกระทบของกำแพงภาษีและวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ที่ฝังรากลึก ปรากฏการณ์ “ตลาดหุ้นกระทิง สวนทางเศรษฐกิจหมี” (Market Bulls vs. Macro Bears) กำลังสร้างคำถามสำคัญให้กับนักลงทุนทั่วโลก ว่านี่คือการฟื้นตัวที่ยั่งยืนหรือเป็นเพียงฟองสบู่ลูกใหม่ที่รอวันแตก
เพียงแค่ในเดือนที่ผ่านมา มูลค่าตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ได้เพิ่มขึ้นเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ ดัชนี Shanghai Composite พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบทศวรรษ และดัชนี CSI 300 ทะยานขึ้นกว่า 20% จากจุดต่ำสุดของปีนี้ แต่ในขณะเดียวกัน ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจล่าสุดเกือบทุกตัว ตั้งแต่การบริโภค ราคาบ้าน ไปจนถึงอัตราเงินเฟ้อ กลับส่งสัญญาณอ่อนแออย่างต่อเนื่อง
อะไรคือเชื้อเพลิงที่ขับเคลื่อนตลาดกระทิง?
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ชี้ว่า การทะยานขึ้นของตลาดครั้งนี้มีปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจาก สภาพคล่องที่ล้นเหลือในระบบและการขาดแคลนทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจ ส่งผลให้นักลงทุนที่มีเงินสดในมือจำนวนมาก ตัดสินใจโยกย้ายเงินทุนเข้ามาพักในตลาดหุ้น
อย่างไรก็ตาม ความคึกคักนี้ได้ทำให้นักวิเคราะห์หลายรายเริ่มออกมาเตือนถึงความเสี่ยง โดย Nomura Holdings Inc. เตือนให้ระวังภาวะความคึกคักอย่างไม่มีเหตุผล
โฮมิน ลี นักกลยุทธ์มหภาคอาวุโสของ Lombard Odier Ltd. กล่าวว่า “ตลาดอาจจะกำลังคาดหวังว่าปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจจะดีขึ้น แต่ตลาดกระทิงจะไม่ยั่งยืนหากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ใกล้ 0% และอำนาจในการกำหนดราคาของบริษัทต่างๆ ต้องเผชิญกับอุปสรรคที่รุนแรงจากอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอ”
ภาพซ้อนวิกฤตปี 2015 และปัญหาเชิงโครงสร้าง
สถานการณ์ปัจจุบันทำให้ผู้สังเกตการณ์ตลาดหลายคนนึกถึง ภาพเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกับจุดเริ่มต้นของวัฏจักรเฟื่องฟูและล่มสลายในปี 2015 แม้ว่าการปรับตัวขึ้นในรอบนี้จะค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า แต่ก็มีความคล้ายคลึงทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา, ราคาในภาคโรงงานที่ลดลงต่อเนื่อง โดยล่าสุดดัชนีราคาผู้ผลิตติดลบเป็นเดือนที่ 34 และการที่ตลาดถูกขับเคลื่อนด้วยเรื่องเล่าเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งในยุคนั้นคือ Internet Plus ส่วนยุคนี้คือ AI Boom
ปริมาณหนี้มาร์จิ้น (Margin Debt) ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงสำคัญในวิกฤตปี 2015 ก็เริ่มไต่ระดับสูงขึ้นมาอยู่ที่ 2.1 ล้านล้านหยวน เข้าใกล้จุดสูงสุดเดิมที่ 2.3 ล้านล้านหยวน
ปัญหาเชิงโครงสร้างที่สำคัญคือภาวะเงินฝืดที่กัดกร่อนผลกำไรของบริษัทต่างๆ โดยประมาณการกำไรล่วงหน้า 12 เดือนของบริษัทในดัชนี CSI 300 ได้ปรับตัวลดลง 2.5% จากจุดสูงสุดของปีนี้แล้ว
อ้างอิง: