โลกร้อนทำฤดูกาลปั่นป่วน พืชโตเร็วแต่เล็กลงไร้คุณภาพ เสี่ยงขาดแคลนอาหารในอนาคต

เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“อังกฤษ” เผชิญกับสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้งอย่างรุนแรง ทำให้เกษตรกรในพื้นที่ต้องเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตเร็วขึ้นถึง 2 สัปดาห์ แม้ว่าพืชผลทางการเกษตรจะโตเร็วขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศ แต่กลับมีคุณภาพกว่าที่ควรจะเป็น ความปั่นป่วนของฤดูกาลยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการขาดแคลนอาหารของมนุษย์และสัตว์อีกด้วย

ภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตรในหลายพื้นที่ของอังกฤษ เกษตรกรต้องเริ่มการเก็บเกี่ยวผลผลิตทั้งข้าวสาลี เมล็ดเรพซีด ข้าวโอ๊ต และข้าวบาเลย์เร็วขึ้นจากเดิมถึง 2 สัปดาห์ เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้พืชเจริญเติบโตเร็วกว่าปกติ รวมถึงความเสี่ยงที่ต้องเผชิญกับปัญหาขาดแคลนน้ำฝน

ข้อมูลจากหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมของอังกฤษระบุว่า ปริมาณน้ำในแม่น้ำต่ำกว่าปกติถึงร้อยละ 80 และมีแนมโน้มลดต่ำลงอีกจากสถานการณ์ภัยแล้งที่กำลังเผชิญอยู่ นับตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมเป็นต้นมา ปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษมีฝนตกเพียงแค่ 2 มิลลิเมตรเท่านั้น คิดเป็นร้อยละ 3 ของค่าเฉลี่ยของทั้งเดือน และมีปริมาณฝนคิดเป็นร้อยละ 14 ของค่าเฉลี่ยทั้งเดือนของทั้งประเทศ

อุณหภูมิที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของพืชโดยตรง สภาพอากาศแห้งแล้งทำให้พืชเครียดและบีบบังคับให้เอาตัวรอดด้วยการเร่งเข้าสู่ระยะร่วงโรยเร็วกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นแอปเปิ้ล หรือเบอร์รี่ต่างๆ สุกเร็วขึ้นจากเดิมและออกสู่ตลาดก่อนกำหนด ขณะที่พืชที่ใช้น้ำปริมาณมากในการเพาะปลูกอย่างมันฝรั่ง แครอท กะหล่ำ และบรอกโคลีได้รับผลกระทบหนักที่สุด ทั้งขนาดเล็กลง สารอาหารและคุณภาพก็ลดลงด้วย นอเกจากนี้พืชผักบางชนิดอาจเก็บเกี่ยวได้น้อยลงจากเดิมและเสี่ยงขาดแคลนอาหารในอนาคต

หลายพื้นที่ของอังกฤษและทั่วโลกยังคงเผชิญกับสภาพอากาศสุดขั้วที่เพิ่มความรุนแรงและถี่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในปี 2024 อังกฤษเผชิญน้ำท่วมครั้งใหญ่ แต่ในปีถัดมากลับเกิดภัยแรงรุนแรง แม้ว่าฟาร์มในอังกฤษหลายแห่งจะปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศด้วยแนวทางเกษตรเชิงพื้นฟู เช่นการปลูกพืชคลุมดิน การเลี้ยงสัตว์เพื่อสร้างระบบนิเวศ เพิ่มแร่ธาตุสารอาหาร รวมถึงเพิ่มอินทรียวัตถุในดินเพื่อช่วยในการกักเก็บความชื้น โดยปริมาณอินทรีย์วัตถุในดินเพิ่มขึ้นเพียงแค่ร้อยละ 1 จะทำให้ดินสามารถกักเก็บน้ำเอาไว้ได้ 168,000 ลิตรต่อพื้นที่ 10,000 ตารางเมตร ซึ่งจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากภัยแล้งได้ ซึ่งนับเป็นการลงทุนในวิถีเกษตรใหม่ที่ช่วยเพิ่มทางรอดอย่างยั่งยืนในระยะยาว

อย่างไรก็ตามมีการคาดการณ์ว่าในฤดูเก็บเกี่ยวปี 2025 นี้ อังกฤษอาจเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ต่ำเป็นอันดับที่ 6 หรือ 7 ในรอบ 40 ปี นับตั้งแต่มีการจดบันทึกมา ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีสาเหตุมาจากความแปรปรวนของสภาพอากาศและภัยแล้ง ปัจจุบันอังกฤษประกาศเข้าสู่ภาวะภัยแล้งมากถึง 5 พื้นที่ด้วยกัน คือยอร์กเชียร์ คัมเบรียและแลงคาเชียร์ เกรทเทอร์แมนเชสเตอร์-เมอร์ซีย์ไซด์-เชสเชอร์ อีสต์มิดแลนด์ และเวสต์มิดแลนด์ ซึ่งอาจยืดเยื้อไปจนถึงเดือนตุลาคม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง