เปิด 6 ข้อสรุป คำสั่งยกฟ้อง ‘ทักษิณ’ ปมคดี ม.112
วันนี้ (22 สิงหาคม) ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก บรรยากาศภายหลังศาลอ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 1860/2567 ซึ่งพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ ฟ้องทักษิณในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จากกรณีให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 2558
โดยศาลมีคำสั่งยกฟ้องจำเลยในทุกข้อหา เนื่องจากพยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่เพียงพอที่จะลงโทษจำเลยได้
ต่อมาเวลา 10.46 น. โดยประมาณ ทักษิณ พร้อมคณะได้ปรากฏตัวต่อหน้าสื่อมวลชนที่มารอรายงานข่าว พร้อมรับพวงมาลัยจากตัวแทนกลุ่มคนเสื้อแดงที่รอให้กำลังใจตั้งแต่ช่วงเช้า
ทั้งนี้ในคดีดังกล่าวศาลพิจารณาจากพยานหลักฐานทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลย โดยมีข้อสรุปที่สำคัญดังนี้
- คลิปวิดีโอให้สัมภาษณ์: ศาลเชื่อว่าบุคคลในคลิปวิดีโอและเสียงที่ให้สัมภาษณ์คือจำเลย จริง แม้จะเป็นเพียงบางส่วนของคลิปและไม่มีต้นฉบับเต็มก็ตาม โดยศาลให้เหตุผลว่าจำเลย เองก็ได้ยอมรับว่าเป็นบุคคลในคลิปดังกล่าว
- เจตนาในการหมิ่นประมาท: ศาลพิจารณาว่าข้อความที่จำเลย ให้สัมภาษณ์นั้นไม่ได้ระบุถึงพระมหากษัตริย์โดยตรง และใช้คำสรรพนามบุรุษที่ 3 ว่า “เขา” รวมถึงคำอื่นๆ เช่น “องคมนตรี” “ทหาร” และ “คนในวัง” ซึ่งทำให้ไม่สามารถระบุเจตนาได้อย่างชัดเจนว่าหมายถึงพระมหากษัตริย์
- พยานโจทก์ขาดความน่าเชื่อถือ: ศาลระบุว่าพยานบุคคลของโจทก์หลายคนมีอคติทางการเมืองกับจำเลย ทำให้ต้องรับฟังด้วยความระมัดระวัง นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นพยานได้ให้การว่าในระหว่างการสอบสวนเห็นว่าหลักฐานไม่เพียงพอที่จะสั่งฟ้องได้
- การตีความของสาธารณชน: ศาลเห็นว่าผู้ที่ได้ฟังคลิปวิดีโอตั้งแต่แรก รวมถึงผู้ที่เผยแพร่คลิปวิดีโอในโซเชียลมีเดียส่วนใหญ่เข้าใจว่าคำสัมภาษณ์นั้นเป็นการโจมตีการรัฐประหาร โดยพาดพิงถึงบุคคลต่างๆ และทหารชั้นผู้ใหญ่เท่านั้น ไม่ได้เข้าใจว่าหมายถึงพระมหากษัตริย์
- ภาระการพิสูจน์ของโจทก์: ศาลชี้ว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำมาสืบยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องในคดีอาญา และโจทก์ไม่ได้นำพยานหลักฐานในข้อหาแสดงความอาฆาตมาดร้ายมาสืบเลย
- ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ: เมื่อข้อหาหลักเรื่องการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฟังไม่ขึ้น ศาลจึงยกฟ้องในข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรด้วยเช่นกัน