เปิดปฏิบัติการกวาดล้างยางเสพติด 2 ปียึดทรัพย์กว่า 2.5 หมื่นล้าน
ยาเสพติดยังคงเป็นศัตรูตัวร้ายที่กัดกินสังคมไทยอย่างต่อเนื่องยาวนาน การเข้ามาของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยตั้งในยุคของนายเศรษฐา ทวีสิน ต่อเนื่องมาถึงยุคของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และปัจจุบันนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวง รักษาราชการ แทนนายกรัฐมนตรีมหาดไทย ได้เปิดปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องสามารถปราบปรามยาเสพติดได้เป็นจำนวนมาก ทำให้มีสัญญาณเชิงบวกที่เริ่มปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน
ช่วงปีงบประมาณ 2567 ภายใต้รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) รายงานผลการปฏิบัติการผู้ค้ารายใหญ่ได้ถึง 90 คดี ยึดและอายัดทรัพย์สินกว่า 4,000 ล้านบาท พร้อมทั้งยึดยาบ้าได้ถึง กว่า 380 ล้านเม็ด ซึ่งมากกว่าปีก่อนหน้าถึง 56%นอกจากนี้ ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สรุปตลอดทั้งปีว่า มีคดีเกี่ยวกับยาเสพติดสูงถึงเกือบ 250,000 คดี(ทั้งรายใหญ่และรายย่อย)จับกุมผู้ต้องหาได้มากกว่า 250,000 ราย และอายัดทรัพย์สินรวมแล้วกว่า 13,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นหลักฐานชัดเจนว่ารัฐบาลในไม่เพียงจับรายย่อย แต่ได้มีการตัดวงจรเครือข่ายผู้ค้ารายใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังด้วย
เมื่อการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองมาถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เดินหน้าใช้แผนยุทธการ SEAL–STOP–SAFE มุ่งเป้าไปที่เครือข่ายการค้าที่แฝงตัวในสังคม ช่วงสองเดือนแรก(เมษายน–พฤษภาคม 2568) สามารถทลายเครือข่ายใหญ่ได้ถึง 31 คดี จับผู้ต้องหา 34 รายและอายัดทรัพย์มูลค่ากว่า 1,900 ล้านบาท ของกลางที่ยึดได้มีทั้งยาบ้าเกือบ 30 ล้านเม็ด,เฮโรอีน 126 กิโลกรัม,รวมถึงไอซ์และเคตามีนอีกกว่า 4.4 ตันและหนึ่งในคดีที่สร้างแรงกระเพื่อมคือการยึดไอซ์กว่า 2.4 ตัน จากเรือท่องเที่ยวในจังหวัดระยอง มูลค่ามากกว่า 3,000 ล้านบาท ถือเป็นบิ๊กล็อตที่เกิดจากการบูรณาการระหว่างตำรวจ หน่วยข่าวกรอง และความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ในภาพรวมของปีงบประมาณ 2568 (10 เดือนแรก)มีคดีเกี่ยวกับยาเสพติดกว่า 210,000 คดี, ผู้ต้องหากว่า 211,000 ราย,และมีการอายัดทรัพย์สินอีกเกือบ 12,500 ล้านบาท
ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 สค.ที่ผ่านมา นายภูมิธรรม แถลงข่าวการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ยึดของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) จำนวน 28 กระสอบๆ ละ 25 กิโลกรัม รวม 700 กิโลกรัม ซึ่งเป็นการดำเนินการภายใต้ปฏิบัติการ Seal Stop Safeของรัฐบาล และมีปฏิบัติการ No Drugs No Dealers หนุนเสริมให้ปฏิบัติการมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น โดยให้ทุกส่วนร่วมกันเพื่อให้ยุติปัญหาภัยคุกคามยาเสพติดทุกระดับ สามารถตัดวงจรการลำเลียงและการค้ายาเสพติดได้อย่างเป็นรูปธรรม และต้องเดินหน้าอย่างต่อเนื่องเพราะยาเสพติดเป็นเรื่องที่ค้างคาจนประชาชนทุกหย่อมหญ้าได้รับความเดือดร้อน ถ้าสิ่งเหล่านี้ยังถูกปล่อยให้เกิดขึ้นในสังคมไทยมันจะทำให้ประชาชนเดือดร้อน
อย่างไรก็ตามการสู้กับยาเสพติดอาจไม่สามารถจบสิ้นได้ในเวลาอันสั้น แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นตลอดสองปีเศษนี้สะท้อนให้เห็นความต่อเนื่องและความจริงจังของรัฐบาลชุดนี้ ที่พยายามทลายทั้งเครือข่ายและระบบการเงินเพื่อไม่ให้ยาเสพติดย้อนกลับมาทำลายสังคมไทยอีก