โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

วีระยุทธ เขียน เวียดนาม vs ไทย คู่ไล่กวดแห่งศตวรรษ ชี้ถ้ากลัวเขาแซง ต้องจริงจังพัฒนาโครงสร้างคน

MATICHON ONLINE

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วีระยุทธ เขียนเวียดนาม vs ไทย คู่ไล่กวดแห่งศตวรรษ ชี้ถ้ากลัวเขาแซง เราต้องจริงจังพัฒนาโครงสร้างคน แปลงเงินภาษีเป็นอนาคต

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2568 วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรคประชาชน เผยแพร่ข้อเขียนผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง “เวียดนาม vs ไทยแลนด์ : การไล่กวดแห่งศตวรรษที่ 21” มีเนื้อหาดังนี้

เวียดนามยังตามหลังไทย

ถ้าดูแบบ “ภาพนิ่ง” เวียดนามยังตามหลังไทย ทั้งในด้านขนาดเศรษฐกิจและรายได้ประชากรต่อหัว

คนเวียดนามตอนนี้มีรายได้เฉลี่ย 4,490 ดอลลาร์ต่อปี ในขณะที่ของไทยคือ 7,120 ดอลลาร์ หรือ 200,000 กว่าบาทต่อปี สูงกว่าเวียดนามเกือบสองเท่าตัว

งานที่ศึกษาเชิงลึกก็ชี้ให้เห็นจุดอ่อนของเวียดนามหลายด้าน โดยเฉพาะการพึ่งพาตลาดส่งออกและบริษัทข้ามชาติสูงมาก จนต้องยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้สหรัฐฯ ยอมลดภาษีนำเข้า ในขณะที่กิจการท้องถิ่นมักเป็นรัฐวิสาหกิจหรือกลุ่มทุนที่ได้รับการปกป้อง แต่ยังพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันไม่ค่อยได้

ฝันใหญ่ 20 ปี

แต่ผู้กำหนดนโยบายของเวียดนามกล้ายอมรับความจริง กล้าตัดสินใจเรื่องยากๆ อย่างการปฏิรูประบบราชการ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาคน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเป็น “ประเทศรายได้สูง” ในปี 2045 หรืออีก 20 ปี

ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เวียดนามปฏิรูประบบราชการครั้งใหญ่ ปรับโครงสร้างกรม-กอง-กระทรวง รวมถึงหน่วยงานท้องถิ่น แม้แต่หน่วยงานใต้พรรคคอมมิวนิสต์เอง

แต่ก็เป็นจังหวะที่เหมาะทางการเมือง เพราะการ “ลดคน” ตอนที่เศรษฐกิจกำลังเฟื่องฟู ทำให้มีโอกาสงานภาคเอกชนเปิดกว้างรอรับอยู่ ไม่ได้ทำตอนเศรษฐกิจถดถอย

นอกจากนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมายัง “เล่นใหญ่” เพื่อดึงดูดความสนใจของโลกที่กำลังปั่นป่วนกับสงครามการค้า ด้วยการประกาศลงทุนมหาศาล ใหญ่ขนาด 10% ของจีดีพี เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน 250 โครงการ

“โครงสร้างพื้นฐาน” ที่ว่าไม่ได้มีแค่ถนนกับสนามบิน แต่รวมถึงการสนับสนุน R&D ในอุตสาหกรรมไฮเทคอย่างเซมิคอนดักเตอร์ สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด โรงพยาบาลเฉพาะทางเพื่อรักษามะเร็ง การพัฒนาแรงงานจริงจัง

เวียดนามรู้ว่าตัวเอง “เปราะบาง” เพราะพึ่งพาเศรษฐกิจภายนอกสูงเกินไป โจทย์ในระยะ 5–10 ปีข้างหน้าจึงมุ่งเพิ่มศักยภาพและความสำคัญของตลาดภายใน

แต่ไม่ใช่ “รัฐนำ” เท่านั้น มีการประสานกับภาคเอกชนด้วย โครงการก่อสร้างชุดใหญ่ที่ว่าก็ใช้เงินรัฐราว 37% เท่านั้น ที่เหลือมีภาคเอกชนร่วมลงทุน เช่น Sumitomo ของญี่ปุ่นร่วมลงขัน 4,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างสมาร์ทซิตี้แห่งใหม่ทางเหนือของกรุงฮานอย

ตั้งเป้าไว้ 20 ปี แต่ถ้าโตได้ปีละ 7% กว่าแบบนี้ อีกแค่ 15 ปี เวียดนามก็จะกลายเป็นประเทศรายได้สูง

การพัฒนาคนแบบเวียดนาม

“การพัฒนาคน” เป็นหัวใจความสำเร็จของเสือเอเชียตะวันออกมาตั้งแต่ยุคเกาหลี ไต้หวัน สิงคโปร์

นโยบายอุตสาหกรรมหรือมาตรการเศรษฐกิจจะสวยหรูอย่างไร ก็ไม่มีทางออกดอกผล ถ้าคนไม่พร้อม

อันที่จริง ภาพนิ่งด้านการศึกษาของเวียดนามก็ยังแพ้ไทย เวียดนามมีแรงงานเพียง 13% เท่านั้นที่จบการศึกษาระดับอาชีวะหรือปริญญาตรี ในขณะที่ของไทยมีสัดส่วน 21%

แต่ก็เหมือนกับเรื่องอื่นๆ คือเวียดนามฝันใหญ่และทำจริง

รัฐบาลตั้งเป้าผลิตคนด้านเซมิคอนดักเตอร์ 50,000 คนภายใน 5 ปีข้างหน้า

แยกประเภทชัดเจน ว่าเป็นส่วนที่เกี่ยวกับการออกแบบ 30% ส่วนอีก 70% ทำด้านการผลิตและทดสอบ แล้วก็เริ่มจากการเทรนครูจำนวน 1,300 คนก่อน เพื่อจะได้ไปสอนตามมหาวิทยาลัยและศูนย์วิจัยทั่วประเทศ

ทั้งนี้ ไม่อยากให้คิดถึง “เซมิคอนดักเตอร์” ราวกับชิปสุดล้ำที่แยกจากขาดจากอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เราคุ้นเคย

ในความเป็นจริง เซมิคอนดักเตอร์ที่ลงทุนในเวียดนามระยะแรก คือการต่อยอดอุตสาหกรรมเดิม

บริษัทใหญ่ในอุตสาหกรรมเก่าต่างกำลังยกระดับตัวเองด้วยเซมิคอนดักเตอร์ โดยเฉพาะในยานยนต์ที่ต้องขยับจากสันดาปไปสู่ไฟฟ้าและซอฟต์แวร์

เพราะต้นทุน 1 ใน 5 ของยานยนต์ไฟฟ้า 1 คัน คือเซมิคอนดักเตอร์ – การพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ก็คือการทำให้อุตสาหกรรมเก่าได้ไปต่อในโลกยุคใหม่

เช่นเดียวกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาทักษะของเวียดนามก็ไม่ใช่ “รัฐนำ” ล้วนๆ แต่ทำงานร่วมกับบริษัทชั้นนำของโลกอย่าง Samsung (เกาหลีใต้) Marvell (สหรัฐฯ) Alchip (ไต้หวัน) โดยเฉพาะส่วนที่เน้นพัฒนาแรงงานหัวกะทิเพื่อทำงานวิจัยแห่งละ 200–500 คน

เราควรใช้เงินปีละหลายหมื่นล้านสร้างคนอย่างไร?

ประเทศไทยเราไม่ได้ขาดงบประมาณนะครับ

แต่ละปี เรามีงบด้านพัฒนาคน (ต่อยอดจากการศึกษาขั้นพื้นฐาน) หลายหมื่นล้านบาท ไม่แพ้เวียดนาม

ปัญหาคือ ในขณะที่ทุกคนพูดถึงคน พูดถึงความสำคัญของทรัพยากรมนุษย์ แต่กลับไม่ค่อยมีใครลงมาดูรายละเอียดของการใช้งบประมาณเลย

เช่นงบ 69 ที่เพิ่งผ่านสภาผู้แทนราษฎรไป การพัฒนาทักษะแรงงานไทยปีนี้ถูกตั้งเป้าไว้ 900,000 กว่าคน – สูงกว่าของเวียดนามเสียอีก

โดยความหวังสูงสุดไปฝากไว้กับ “โครงการจัดหาระบบแฟ้มสะสมทักษะรายบุคคลระดับอุดมศึกษา” (Skill/Credit Portfolio) เริ่มต้นโครงการในปีงบ 69 ด้วยเงิน 773 ล้านบาท และจะทำต่อเนื่องไปอีก 4 ปี ใช้งบประมาณรวมทั้งโครงการ 5,400 ล้านบาท

แต่ในรายละเอียด โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ “จัดเก็บ บูรณาการ และแสดงข้อมูลทักษะการเรียนรู้ของบุคคล” ซึ่งได้แก่นักศึกษาปริญญาตรีปีการศึกษา 2567 จำนวน 1.6 ล้านคน โดยจะทำคลิปวีดิโอที่เน้น “การช่วยให้รู้จักและเข้าใจตนเอง อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้” จำนวน 447 คลิป ความยาวคลิปละ 15 นาที

เราะจะฝากความหวังในการแก้ปัญหาวิกฤตทรัพยากรมนุษย์และทักษะแรงงานไทย ไว้กับโครงการนี้ได้แค่ไหน มีประโยชน์เพิ่มจากระบบที่เรามีอยู่แล้ว และทำงานค่อนข้างดีอย่าง Thai-MOOC ได้จริงหรือ

ที่สำคัญกว่านั้นคือ ไม่ใช่ทุกทักษะที่ยกระดับกันได้ผ่านระบบออนไลน์ โดยเฉพาะในภาคการผลิตที่กำลังสาหัส ยังไงก็ต้องมีโครงการที่ลงไปพัฒนาคนหน้างานอย่างจริงจัง

คนไทยเคยรวยกว่าคนเกาหลีใต้ แต่ก็จนถึงปี 1968 หรือ พ.ศ. 2511 เท่านั้น

วงการเศรษฐศาสตร์โลกที่ศึกษาเศรษฐกิจช่วง 1970–2000 จึงมักใช้ไทยกับเกาหลีใต้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาเปรียบเทียบ

ทั้งในด้านนโยบายเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับทุน บทบาทของปัจจัยภายนอกต่อเส้นทางการพัฒนา

พอมาถึงศตวรรษที่ 21 เวียดนามจะกลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญประเทศหนึ่งอย่างแน่นอน ว่าในฐานะ “ผู้มาทีหลัง” ได้ทำอะไรที่เหมือนหรือต่างไปจากเสือเอเชียตะวันออกยุคก่อน และได้ผลลัพธ์อย่างไร

ถ้าเรากลัวเวียดนามจะแซงจริงๆ ก็ต้องจริงจังกับการพัฒนาคน พัฒนาทักษะกันมากกว่านี้

ต้องเปลี่ยนจากการพูดคุยระดับวิสัยทัศน์ มาให้ถึงรายละเอียดระดับโครงการ ว่าควรออกแบบประสานระหว่างรัฐกับเอกชนอย่างไรในแต่ละอุตสาหกรรม จัดสรรงบประมาณอย่างไรให้เหมาะสม

ถ้าจ ะแปลงเงินภาษีให้กลายเป็นอนาคตประเทศได้ มีแต่ต้องเปลี่ยนวิธีการใช้งบและวิธีกำหนด KPI ของกลไกราชการเท่านั้น

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : วีระยุทธ เขียน เวียดนาม vs ไทย คู่ไล่กวดแห่งศตวรรษ ชี้ถ้ากลัวเขาแซง ต้องจริงจังพัฒนาโครงสร้างคน

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก MATICHON ONLINE

ฟาบิโอ นายทวารฟลูมิเนนเซ่ ทุบสถิติลงสนามมากที่สุดในโลก

48 นาทีที่แล้ว

รวบโชเฟอร์มินิบัส ลอบขนบุรี่ไฟฟ้ากว่า 1,400 ชิ้น เตรียมนำส่งลูกค้าที่ปัตตานี

57 นาทีที่แล้ว

โคทม อารียา : ความไม่แน่นอนบนเส้นทางประชาธิปไตย

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

1พันมีทอน! AIS เปิดราคาแพ็คเกจดูศึกคนชนคน NFL สดเต็มอิ่มครบทุกคู่

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

ชิงปิดสภาอีกแล้ว รอบ 4 หนีองค์ประชุมล่ม หลังเจอฝ่ายค้านลุกทักปธ. กดออดเรียกหลายครั้ง

MATICHON ONLINE

รองอธิบดีฯ ‘ฐนันดร์’ ลงพื้นที่ติดตามโครงการสำคัญภาคอีสาน

The Bangkok Insight
วิดีโอ

รู้จัก ผู้กองอะตอม ไวรัลทหารหญิงสุดแกร่ง ชี้นิ้วไล่ทหารกัมพูชา

สยามนิวส์
วิดีโอ

"รศ.ดร.เจษฎ์" ชี้ 'พล.อ.ประยุทธ์' ยังมีสิทธิ์กลับมาเป็นนายกฯ ได้ หากพ้นจากตำแหน่งองคมนตรี

THE ROOM 44 CHANNEL
วิดีโอ

ทหารไทยเปิดใจ ย้อนวินาทีแห่งความภาคภูมิใจ ปักธงชาติไทยบนภูมะเขือ

สยามนิวส์

พรรคเศรษฐกิจ อัด “โรม” แรงงานกัมพูชาไม่จำเป็น ชี้ ต้นเหตุทำแรงงานไทยตกต่ำ

THE ROOM 44 CHANNEL

ข่าวและบทความยอดนิยม

รั้วบ้านล้ำที่ดิน! พี่เขยทะเลาะน้องเมีย นัดดวลปืน ยิงกันเจ็บคู่

MATICHON ONLINE

วีระยุทธ เขียน เวียดนาม vs ไทย คู่ไล่กวดแห่งศตวรรษ ชี้ถ้ากลัวเขาแซง ต้องจริงจังพัฒนาโครงสร้างคน

MATICHON ONLINE

แม่ทัพภาค3 บุกเยี่ยมหน่วยเฉพาะกิจ1-3 มอบของพระราชทาน เพื่อขวัญกำลังใจชายแดนไทย-กัมพูชา

MATICHON ONLINE
ดูเพิ่ม