45 is new 60 สไลเดอร์วัยกลางคน กับความแก่ที่มาแบบไม่พร้อม
อาจจะไม่ใชเรื่องใหม่ ที่คนรุ่นต้น Gen Y ปลาย Gen X สัมผัสได้ว่ายุคสมัยจะไล่ดันหลังจนหล่นลงทางลาดสไลเดอร์เร็วกว่าที่คิด เพราะก่อนหน้านี้มันอาจเป็นคล้ายๆ ความกลัวในจินตนาการที่ยังมาไม่ถึง
แต่พอมีข่าวธนาคารแห่งหนึ่งเปิดโครงการ ‘เกษียณก่อน เกษมสุข’ ให้คนอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไปสามารถเกษียณก่อนกำหนดได้ ใครๆ ก็ตีความอย่างตรงไปตรงมาได้ว่า เส้นทางการทำงานตามระบบที่เคยยุติลงตรง 60 ปี กำลังวิ่งพรวดพราดสวนทางเส้นเวลาเข้ามาอยู่ตรงหน้าเร็วกว่าเดิม 15 ปี
เอาเข้าจริง กระแสเรื่องการใช้ AI หรือกลไกหลายๆ อย่างเข้ามาแทนที่มนุษย์เกิดขึ้นมานานแล้ว คนจำนวนมากต้องตกงาน ระเห็จจากองค์กรยักษ์ใหญ่ ทั้งด้านไอที ยานยนต์ สื่อมวลชนก็ไม่รอด และอื่นๆ อีกมากมาย
การเลย์ออฟขนานเล็กขนานใหญ่ๆ เกิดขึ้นเป็นพักๆ ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา น่าจะทำให้เหล่าวัยกลางคนราวๆ 45 ปีตอนนี้หนาวๆ ร้อนๆ กันอยู่แล้ว พอเจอข่าวเกษียณก่อน 60 เข้าไป ความกลัวในจินตนาการก็กลายเป็นจริงแบบปัจจุบันทันด่วน เพราะเรื่อง ‘เกษียณก่อน’ ดูทรงแล้วมาแน่ๆ แต่คงไม่ใช่ทุกคนที่จะพร้อม ‘เกษมสุข’ …ใช่ไหม?
นับอายุขัยมนุษย์ปัจจุบันว่าอยู่ที่ประมาณ 80 ปี คนอายุ 45 ก็เรียกได้ว่าเดินและวิ่งมาเกินครึ่งทางของเวลาหายใจบนโลกใบนี้ กาลเวลาฉุดกระฉากความหนุ่มสาวไปจากสังขาร การเริ่มต้นการทำงานใหม่ๆ ไม่มีวันง่ายเหมือนในอดีต
คนกลุ่มหนึ่งพูดถึงการรีสกิล หรือไขว่คว้าหาทักษะใหม่ๆ เพิ่มเติมจากความสามารถเดิมๆ นอกเหนือจากการทำงานปัจจุบัน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเอื้อมถึงโอกาสแบบนั้น บางคนไม่มีเวลาจิบกาแฟครุ่นคิดอย่างโรแมนติก เพราะไม่สามารถขาดเงินได้แม้แต่เดือนเดียว ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ การชำระหนี้ความฝันในวัยต้น 30 ตามมาไล่เฆี่ยนแผ่นหลัง ไหนจะค่ากิน ค่าโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต สตรีมมิ่ง สนุกกว่านั้นคือมีค่าเทอมลูกแบกไว้บนบ่าอีกก้อนหนึ่ง
เฉพาะกลุ่มคนทำงานประจำรายได้ปานกลาง จะยิ่งต้องผจญความยากของชีวิตแบบคูณสองคูณสาม หากต้องหมดอายุการทำงานก่อนเวลาอันควร
นอกจากเรื่องงานเรื่องเงินที่เป็นสไลเดอร์ขาลงของปากท้อง คนวัยกลางคน 44-45 ยังต้องเจอภาวะตกบนไดหล่นไปก้นเหวกับสภาพร่างกายที่ ‘แก่’ แบบก้าวกระโดด มีงานวิจัยบอกว่าความเสื่อมของสังขารไม่ปรานีค่อยเป็นค่อยไป แต่ความเปลี่ยนแปลงจะหล่นวูบอยู่สองช่วง คือตอนอายุ 44 ปี กับ 60 ปี
ความชราที่ว่านี้ เช่น มวลกล้ามเนื้อลด สายตายาว ร่างกายฟื้นตัวยาก ฮอร์โมนเปลี่ยน จากคนที่เคยสุขภาพดีพอถูไถ ทำงานได้ตามสภาพอำนวย ความเจ็บป่วยแปลกหน้าจำพวกเบาหวาน ความดัน หัวใจ หรืออะไรร้ายๆ อย่างมะเร็งก็เริ่มเข้ามาทักทายช่วงนี้
อืม…45 is new 60 ดูเหมือนจะมาในทุกมิติ การวางแผนสุขภาพไม่พร้อม เงินออมไม่มี เคลียร์หนี้ไม่ทัน
และไม่ใช่แค่การเงินกับความชราที่ไม่มีเมตตาคนอายุ 45 เพราะความสุขในชีวิตก็มีแนวโน้มลดลงด้วยเหมือนกัน
บทความในคอลัมน์ ‘เศรษฐสุข’ โดย รพีพัฒน์ อิงคสิทธิ์ ในไทยรัฐพลัส พูดเรื่อง‘วิกฤติวัยกลางคน’ ไว้ว่า ความสุขตามช่วงวัยเป็นกราฟเส้นโค้งรูปตัว U โดยวัยเด็กจะเป็นวัยมีความสุขสุด ๆ และก้นกราฟจะอยู่ที่อายุ 40-50 ปี…
กับความสิ้นอายุขัยในอาชีพการงานที่มาถึงเร็วแบบไม่แจ้งล่วงหน้าให้ตั้งตัว เราพบว่าปัจจัยสำคัญของความกลัวคือ ความไม่พร้อม ซึ่งความไม่พร้อมก็มีความแตกต่างไปในแต่ละบุคคล ซึ่งเรื่องนี้ก็อีกเช่นกัน ไม่ใช่ทุกคนในประเทศไทยจะมีความสามารถเตรียมความพร้อมรับวัยเกษียณได้ดีเท่ากันหมด คนหนึ่งอาจพร้อมเกษียณพรุ่งนี้ กับอีกคนทำงานถึง 65 ก็ยังไม่พร้อม
คนทำงานในระบบ หรือมนุษย์เงินเดือน ต้องจ่ายประกันสังคมเป็นรายเดือน ซึ่งเงินส่วนนี้นอกจากจะดูแลค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพแล้ว ยังจะเป็นเงินเลี้ยงชีพเมื่อถึงวัยเกษียณ
แต่ในความเป็นจริง กองทุนประกันสังคมวางอยู่บนความไม่แน่นอน คนวัย 40-45 ปีตอนนี้ จะเป็นคนกลุ่มแรกๆ ที่เกษียณในยุคที่ไทยเป็นสังคมสูงวัยระดับสุดยอด (super-aged Society) พอดี หายนะคือ เมื่อคนกลุ่มนี้เกษียณตอนอายุ 60 กองทุนประกันสังคมจะถูกระเบิดกระจุย เพราะยังไม่มีการปรับโครงสร้างเพื่อรองรับคนต้น Gen Y ปลาย Gen X จำนวนมหาศาลที่เกษียณออกมาพร้อมๆ กัน ผลที่ตามมาก็คือ เงินบำนาญจากประกันสังคมจะไม่เพียงพอ ถึงกับต้องมีข้อเสนอให้ขยายอายุงานเป็น 65 ปี หรือไม่ก็เจียดรายได้ต่อเดือนไปโยนใส่กองทุนประกันสังคมเพิ่มอีกหลักร้อย เพื่อชะลอการจ่ายบำนาญ และขยายขนาดกองทุนให้ใหญ่ขึ้น
อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวมาอาจเป็นการมองโลกในแง่ร้ายว่า การเผชิญวัยเกษียณไม่ว่าเร็วหรือช้า จริงหรือที่ว่ามันควรเป็นเรื่องที่แต่ละคนต้องดิ้นรนกันเอง มือใครยาวก็สาวเอาได้ สายป่านใครสั้นก็อดตาย ความเหลื่อมล้ำระดับสูงเป็นเรื่องจริงที่ต้องยอมรับ การรีสกิลก็ดี หาทางลงสไลเดอร์แบบสวยหล่อก็ดี เมื่อเทียบกับมาตรฐานเฉลี่ย คงมีแค่ไม่กี่คนบนยอดพีระมิดที่เลือกทำแบบนั้นได้
เพราะไม่ใช่ทุกคนจะหอบฟูกกับผ้าห่มมาจากบ้าน จะเป็นไปได้ไหม ที่ปลายสไลเดอร์จะไม่ใช่ก้อนดินก้อนหิน แต่เป็นเบาะลมมารองรับ ไม่ให้หลายคนที่ไม่พร้อมต้องร่วงหล่นลงพื้นแบบไม่มีอะไรรองรับจนหัวร้างข้างแตก
เรากำลังพูดถึงสังคมที่รัฐพร้อมซัพพอร์ต มีระบบสวัสดิการ มีบำนาญ ให้คนได้ใช้ชีวิตเป็นคนเท่ากัน ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ วัยชรา บนช่องว่างความเหลื่อมล้ำที่แคบที่สุด สามารถฝากชีวิตไว้ได้ มากกว่าการกระเสือกกระสนดิ้นรนก้มหน้าพึ่งพาตัวเองตั้งแต่เกิดยันตาย แล้วพนมมือรำพึงกับตัวเองในวันที่มองไม่เห็นพรุ่งนี้ว่า “ชาติหน้าขอให้…”
บทความต้นฉบับได้ที่ : 45 is new 60 สไลเดอร์วัยกลางคน กับความแก่ที่มาแบบไม่พร้อม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน แพทองธาร พ้นตำแหน่งนายกฯ จากคดีคลิปเสียงสนทนา ฮุน เซน
- ทั่วโลกเกิดอะไรขึ้นบ้างสัปดาห์นี้ 25-30 สิงหาคม 2568
- ผีใช้ได้ค่ะ เพราะ ‘การจดจำ’ คือการต่อต้านในประเทศแห่งการหลงลืม
ตามบทความก่อนใครได้ที่
- Website : plus.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath