แห่ผิดหวัง!! เงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1000 ยังไม่เข้า
วันที่ 2 ก.ย.2568 ชาวนาจากหลายตำบลในอ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ต่างพากันนำสมุดบัญชีเงินฝาก และบัตรเอทีเอ็ม ไปกดเช็กยอดเงินโครงการช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ไร่ ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาบุรีรัมย์ อย่างต่อเนื่อง
หลังจากรัฐบาลได้มีข้อสรุปให้โอนเงินผ่านบัญชี ธ.ก.ส. เหมือนที่เคยดำเนินการมาในอดีต โดยที่ชาวนาไม่ต้องยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชัน ทางรัฐ เพื่อลดปัญหาความสับสนและความยุ่งยากให้กับชาวนา แต่หลายคนก็ต้องผิดหวัง
เนื่องจากตามกำหนดการโอนเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท สำหรับข้าวนาปีในส่วนของภาคอีสานจะโอนเข้าบัญชีชาวนาที่ลงทะเบียนไว้ ในวันที่ 3 ก.ย.68.
มีเพียงข้าวนาปรังที่โอนวันที่ 1 ก.ย.68 ซึ่งชาวนาต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า คาดหวังจะนำเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาทดังกล่าว ไปซื้อปุ๋ยใส่นาข้าวและบางคนก็นำไปใช้หนี้ค่าปุ๋ย ที่ไปเอามาใช้ก่อนแต่ติดค้างเงินไว้
นายอนันต์ และ นางอ่อน กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาตรวจเช็กยอดเงินที่ ธ.ก.ส. หลังทราบว่ารัฐบาลได้เปลี่ยนให้โอนเงินไร่ละ 1,000 ผ่านบัญชี ธ.ก.ส. โดยไม่ต้องลงทะเบียนผ่านแอปฯ ทางรัฐ แต่หลายคนก็ต้องผิดหวังเพราะเงินยังไม่เข้าบัญชี เนื่องจากปลูกข้าวนาปีต้องรอโอนในวันที่ 3 ก.ย.68
มีเพียงบางรายที่ทำนาปรังที่เงินเข้าบัญชีแล้วเท่านั้น โดยชาวนาตั้งใจว่าจะนำเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 ไปซื้อปุ๋ยและใช้หนี้ค่าปุ๋ย เพื่อแบ่งเบาภาระในครอบครัว หากไม่มีเงินส่วนนี้มาช่วยก็เดือดร้อน เพราะต้นทุนทำนาสูงขึ้น ทั้งค่าปุ๋ย ค่าไถ ค่าเกี่ยวปรับขึ้นทุกอย่าง แต่ราคาข้าวกลับตกต่ำ อยากฝากให้รัฐบาลช่วยพยุงราคาข้าวไม่ให้ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 17-18 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่สูงขึ้นด้วย
นายสมยศ โยสาจันทร์ ผู้อำนวยการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจังหวัดบุรีรัมย์ ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ได้ให้ ธ.ก.ส.ทุกสาขา ประสานไปยังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ชาวนาทราบเกี่ยวกับการโอนเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ให้เกษตรกรทราบ
โดยภาคอีสานจะโอนเงินเข้าบัญชีชาวนาในวันที่ 3 ก.ย.68 เพื่อที่ชาวนาจะได้ไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาเช็กยอดเงิน รอให้เงินเข้าก่อนแล้วค่อยนำสมุดบัญชี หรือบัตร เอทีเอ็ม มากดถอนเงิน หลังจากเงินโอนเข้าจะได้ไม่ต้องเดินทางมาหลายรอบ