โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ความขัดแย้งกับแรงงาน

สยามรัฐ

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ร้อยเอก ดร.จารุพล เรืองสุวรรณ

ผู้อำนวยการหลักสูตรมหาบัณฑิต

คณะการทูตการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสไปทำงานนอกสถานที่ 2 แห่งด้วยกัน คือ พัทยา และ หัวหิน สองเมืองชายทะเลที่สำคัญของประเทศไทย และบังเอิญได้มีโอกาสพูดคุยกับพ่อค้าแม่ขายผู้เป็นเจ้าของกิจการส่วนตัวในทั้งสองเมือง ซึ่งผลปรากฏว่า ได้ข้อมูลที่น่าสนใจในลักษณะคล้ายกัน วันนี้จะมาเล่าให้ได้อ่านกันครับ

สิ่งที่ได้รับการสะท้อนจากพ่อค้าแม่ขายคนไทย คือ ปัญหาเรื่องแรงงาน ที่มาพร้อมๆกับปัญหาความมั่นคงตามแนวชายแดน หรือถ้าจะให้ชัดมากกว่านั้น คือปัญหาของแรงงานชาวกัมพูชาที่หลั่งไหลกันกลับไปบ้านเกิด ภายหลังจากเมื่อเกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างสองประเทศ ส่งผลให้เกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะภาคธุรกิจที่พึ่งพาแรงงานชาวกัมพูชาเป็นอย่างมาก

หนึ่งในนั้นคือ อุตสาหกรรมการประมง

พ่อค้าแม่ขายเล่าเป็นเสียงเดียวกันว่า เมื่อเกิดความขัดแย้งเกิดขึ้น แรงงานจำนวนมากขอกลับบ้านที่กัมพูชา และยังไม่มีทีท่าที่จะกลับมา เรียกได้ว่าใครใช้แรงงานพม่า ช่วงนี้ถือว่าโชคดีเลยทีเดียว เพราะยังพอไปต่อได้ ในขณะที่เรือประมงหลายลำที่ใช้แรงงานกัมพูชาเป็นหลักต้องเจออุปสรรคชิ้นโต แรงงานพม่าเลยกลายเป็นเนื้อหอมไปโดยปริยาย

เมื่อถามต่อว่า ทำไมจึงเป็นเช่นนี้?

คำตอบที่ได้คือ คนไทยไม่ทำงานพวกนี้…. งานพวกที่ใช้แรงงานหนักและมีความเสี่ยง

สอดคล้องกับข้อมูลที่มีมาเกินสิบปี ว่านี่คือหนึ่งในปัญหาด้านแรงงานของไทย กล่าวคือ คนไทยไม่นิยมทำงานประเภทที่เรียกว่า 3D หรือ Dangerous Dirty Difficult หรืองาน เสี่ยง สกปรก และ งานหนัก แต่กลับไปนิยมงานในโรงงาน ร้านสะดวกซื้อ หรือห้างสรรพสินค้าต่างๆ มากกว่า

ความเลือกงานของแรงงานไทยดังกล่าว กลายเป็นหนึ่งปัญหาของผู้ประกอบการไทย เนื่องด้วยมีความขัดแย้งกันพอสมควรกับกฎหมายบางข้อ โดยเฉพาะที่สงวนงานบางประเภทให้เฉพาะคนไทยเท่านั้น เช่นงานประมง ที่กำหนดให้ไต้ก๋งต้องเป็นคนไทย สภาพการณ์โดยทั่วไปจึงกลายเป็นเรือที่มีแต่ไต้ก๋งเท่านั้นที่เป็นคนไทย ส่วนเรือที่เหลืออีกว่า 30-40 ชีวิต กลายเป็นต่างด้าวทั้งหมด ซึ่งบางครั้งก็นำไปสู่ความกังวลด้านความปลอดภัยของตัวไต๊ก๋งเช่นกัน

ผมเคยทำงานวิจัยชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ในอุตสาหกรรมประมงไทย และได้ข้อค้นพบที่น่าสนใจว่า ปัญหาการเลือกงาน และกฎหมาย เป็นสองปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การค้ามนุษย์ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าย้อนกลับไปดูต้นทางของการเกิดปัญหาการค้ามนุษย์

ในอดีต งานประมงเป็นงานที่ถูกสงวนไว้ให้กับคนไทยโดยสมบูรณ์ ซึ่งในอดีตนั้นแรงงานประมงมักจะมาจากภาคอีสาน ต่อมาเมื่อเกิดพายุเกย์ (ราวๆปี 32) ที่ทำให้เกิดผู้เสียชีวิตและสูญหายจำนวนมาก และประกอบกับช่วงนั้นเป็นช่วงที่ประเทศไทยกำลังบูมในฐานะฐานการผลิต แรงงานที่หวาดกลัวจึงได้ย้ายไปอยู่ในโรงงานกันเสียหมด เพราะไม่ต้องเสี่ยง ได้เงินดี แถมได้อยู่กับครอบครัว กลายเป็นการขาดแคลนแรงงานภาคประมงอย่างหนัก จึงต้องมีการนำแรงงานต่างด้าวเข้าสู่ภาคประมงเพื่อทดแทนคนไทย เพื่อให้ภาคประมง (ซึ่งมีมูลค่านับหมื่นล้านบาท) ยังคงเดินหน้าต่อไปได้

ไทม์ไลน์ช่วงนี้น่าสนใจครับ เพราะมันจะมีช่องว่างทางกฎหมายอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนที่จะมีการแก้กฎหมายให้ต่างด้าวทำงานประมงได้ในเวลาต่อมา ถ้าท่านนึกภาพตาม ท่านจะพอเห็นภาพครับ ว่าแรงงานต่างด้าวที่พยุงภาคประมงไทยในช่วงปี “ก่อนที่” จะมีการอนุญาตแรงงานต่างด้าวนั้น คือ แรงงานผิดกฎหมาย “ทั้งหมด”

เมื่อต้องอาศัยแรงงานที่ “ผิดกฎหมาย” และไม่มีช่องทางการมาที่ถูกต้อง นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจ โบรกเกอร์แรงงานเถื่อน ที่นำเข้าแรงงานผิดกฎหมายมาจากประเทศเพื่อนบ้าน และนำไปสู่การค้ามนุษย์ในที่สุด

วันนี้เราเกิด “ช็อก” ทางสังคมอีกครั้ง นั่นคือความขัดแย้ง ที่ทำให้แรงงานต่างด้าวหนีกลับไป ไม่ต่างอะไรกับสมัยที่แรงงานอีสานเปลี่ยนงานภายหลังพายุเกย์…เราจึงอาจต้องเริ่มการแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นรูปธรรมหรือไม่ เพราะเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า แรงงานไทยมีความต้องการเฉพาะเจาะลงในการทำงาน ทำให้การพึ่งพาแรงงานต่างด้าวเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป

หรือเราควรอาศัยช่วงเวลาเช่นนี้ ในการปฏิรูประบบแรงงานต่างด้าว ให้เราสามารถได้ประโยชน์อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทั้งในแง่ของกำลังแรงงานหรือในแง่ของภาษีที่จะมาช่วยอุดหนุนประเทศของเรา

ผมนึกย้อนไปถึงสมัยที่อยู่อเมริกา ผมสามารถทำงานได้อย่างถูกกฎหมาย แม้จะเป็นวีซ่านักเรียน มีแค่ข้อกำหนดว่าจะต้องเกินกี่ชั่วโมง และจะต้องจ่ายภาษีให้แก่รัฐ ซึ่งเห็นได้ว่า เขาไม่ได้มองในมุมของการกีดกัน แต่กลับเชื้อเชิญให้ทำงานและจ่ายภาษี เพราะเขารู้ว่า เขาได้ประโยชน์

หากจะเป็นเช่นนั้น วันนี้เราอาจต้องรีบขยับตัว ให้คนไทยกลายเป็นเจ้าของกิจการให้มาก แทนที่จะโฟกัสกับการผลิตแรงงาน หันมาผลิตเจ้าของกิจการและดึงต่างด้าวมาเป็นแรงงานภายใต้ระบบใหม่ที่จะทำให้ได้ประโยชน์กับทั้งเราและแรงงาน

ไม่แน่ อนาคตข้างหน้า เมียนมาอาจจะพัฒนามากขึ้น กัมพูชาอาจไม่อยากมาทำงานที่ไทย จนทำให้แรงงานกลับไปบ้านเกิดเสียหมด ถึงวันนั้นระบบของเราจะพร้อมรับมือหรือไม่ อย่างไร น่าคิดนะครับ

เอวัง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก สยามรัฐ

“อพท. คว้ารางวัล ITA AWARDS 2025 ด้านความโปร่งใส อันดับ 1 ในประเภทองค์การมหาชน”

10 นาทีที่แล้ว

จีดีพีไตรมาส 2 ขยายตัว 2.8% สภาพัฒน์คาดจีดีพีปี 2568 โต 1.8-2.3%

11 นาทีที่แล้ว

สนง.เลขาธิการวุฒิฯปิดรับสมัคร “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” มีผู้สมัคร 2 คนเป็นนายตำรวจทั้งคู่

11 นาทีที่แล้ว

ครม. อนุมัติ โครงการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าบริเวณจังหวัดน่าน แพร่ และอุตรดิตถ์ เพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการในลาว

14 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

“โรม” จี้ยกระดับปราบ “ฮุน เซน” ฟ้องศาล ICC

สำนักข่าวไทย Online

“จตุพร” สั่งเปิดโรงงานรับซื้อข้าวโพดศุกร์นี้ ยันราคา 7.05-9.80 บ/กก.

สำนักข่าวไทย Online

ดอลลาร์แข็งค่า จับตาการประชุมประจำปีเฟด

ประชาชาติธุรกิจ

ป้าสู้ชีวิต เปิดร้านขายขนมจีน 10 บาท ลูกค้าอุดหนุนแน่น

สำนักข่าวไทย Online
วิดีโอ

บทเรียนการเมืองไทยต้องอยู่ข้าง “รัฐประหาร” | คมชัดลึก | NationTV 22

NATIONTV

จากเสียงปืนสู่บาดแผลใจ วิกฤตสุขภาพจิตประชาชน-เจ้าหน้าที่ ชายแดนไทย-กัมพูชา

THE STANDARD

ศาลทุจริตฯ พิพากษาจำคุก "ประชัย เลี่ยวไพรัตน์" 8 ปี คดีโฉนดปลอมที่ดินสระบุรี

The Better

อุทาหรณ์! หญิงสาวผลักประตูห้าง กระจกแตกทั้งบาน นักวิชาการชี้ “กระจกเทมเปอร์” อาจแตกเองได้ (ชมคลิป)

Manager Online

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...