กระทรวงมหาดไทย เเต่งตั้งโยกย้าย ล็อตใหญ่ระดับบิ๊ก
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) เตรียมเสนอให้ครม.พิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงรวม 25 ตำแหน่ง โดยมีรายชื่อสำคัญ อาทิ นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย
ขณะเดียวกัน นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู จะขึ้นดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ย้ายไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ที่ถูกโยกย้ายมาก่อนหน้านี้จากกรณีเบิกจ่ายงบช่วยเหลือประชาชนล่าช้า จะไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย
พร้อมกันนี้ยังมีรายชื่ออีกหลายตำแหน่ง อาทิ นายณรงค์ เทพเสนา ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี และว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ทั้งหมดถูกโยกย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย
ขณะเดียวกัน นายศุภมิตร ชินศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ จะไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ และนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ จะย้ายไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี
ในการประชุม ครม. วันเดียวกัน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะเสนอแต่งตั้งนายพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงดีอีคนใหม่ แทนนายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดีอีคนปัจจุบันที่จะเกษียณอายุราชการสิ้นเดือนกันยายนนี้
นอกจากนี้ ยังมีการเสนอโยกย้ายนายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ไปเป็นปลัดกระทรวงแรงงาน และต่ออายุราชการให้นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ออกไปอีก 1 ปีด้วย