ร้องศาล รธน. ถ่ายทอดสดการไต่สวน คดี “แพทองธาร” ปมคลิปเสียงสนทนา “ฮุนเซน” เชื่อ เชื่อมโยงปัญหาข้อพิพาทชายแดนนำไปสู่การสู้รบ
ร้องศาล รธน. ถ่ายทอดสดการไต่สวน คดี “แพทองธาร” ปมคลิปเสียงสนทนา “ฮุนเซน” เชื่อ เชื่อมโยงปัญหาข้อพิพาทชายแดนนำไปสู่การสู้รบ เตือน ‘เลขาฯ สมช.’ ในฐานะพยาน ต้องยึดประโยชน์ชาติ-ไม่ใช่นายกฯ
วันที่ 19 ส.ค. 2568 ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) นายคมสัน โพธิ์คง นักวิชาการด้านกฎหมาย และ นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา เดินทางมา ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ จากกรณีคดีตรวจสอบคุณสมบัติและความเป็นรัฐมนตรีของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถูกกล่าวหาจากการสนทนาทางโทรศัพท์กับ สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งถูกมองว่าก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและความสัมพันธ์ระหว่างไทย กัมพูชา นั้น โดยวันนี้มายื่นคำร้อง 2 ประเด็นสำคัญ ดังนี้
1)ขอให้ศาลอนุญาตถ่ายทอดสดการไต่สวนและการพิจารณาคดี เพื่อให้สาธารณชนและสื่อมวลชนได้รับรู้ข้อเท็จจริงอย่างโปร่งใส
2)ขออนุญาตศาลให้ เข้าฟังการไต่สวนและการพิจารณาคดี ในวันที่ 21 และ 29 สิงหาคม 2568 ซึ่งเป็นวันนัดพิจารณาและอ่านคำวินิจฉัย
นายสมชาย กล่าวว่า เรื่องนี้มีความสำคัญระดับประเทศ ซึ่งเชื่อมโยงกับปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เคยนำไปสู่การสู้รบ มีทั้งผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตทั้งฝ่ายทหารและประชาชน อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทวิภาคี และอาจกระทบต่ออธิปไตยของไทย ดังนั้นการไต่สวนควรเป็นแบบเปิดเผยและให้ประชาชนทั้งประเทศกว่า 65 ล้านคนได้รับฟังไปพร้อมกัน
ส่วนกรณีนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งถูกศาลเรียกเป็นพยานฝ่ายผู้ร้อง นายสมชาย มองว่า บุคคลในตำแหน่งนี้มีหน้าที่ต้องยึดประโยชน์ของชาติเป็นหลัก มิใช่เพื่อประโยชน์ของนายกรัฐมนตรี หากให้การเป็นเท็จก็จะส่งผลเสียต่อทั้งตนเองและประเทศชาติ พร้อมย้ำว่า ความจริงเท่านั้นคือสิ่งที่สังคมอยากรู้และอยากฝากว่า การเข้าสู่ศาลต้องมาด้วยมือสะอาดและการให้การต่อศาลต้องตั้งอยู่บนความจริง เพื่อให้ประชาชนได้เห็นข้อเท็จจริง เมื่อมีการถ่ายทอดสด
ในส่วนความคืบหน้าของคดีที่ยื่นต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งมีการร้องเรียนเรื่องการกระทำผิดทั้งด้านจริยธรรมและกฎหมายอาญา โดยเฉพาะประมวลกฎหมายอาญาหมวด 3 ที่ถือเป็นความผิดร้ายแรงและกระทบต่อประเทศ พร้อมระบุว่า ป.ป.ช. ควรเร่งรัดดำเนินการโดยเร็ว หากยังล่าช้า ตนเองและคณะจะยื่นเรื่องเพิ่มเติมหรือเร่งรัดให้ส่งเข้าสู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
สำหรับประเด็นที่มีเสียงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก นายสมชาย ระบุว่า ตนเองเคยเสนอให้ลาออกตั้งแต่ต้น เพื่อแสดงความรับผิดชอบแต่เมื่อนางสาวแพทองธารยังคงดำรงตำแหน่งจนถึงวันนี้ ก็ยังมีเวลาให้ตัดสินใจลาออกก่อนวันที่ 29 ส.ค. 68 ซึ่งเป็นวันศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัย หากไม่ลาออก นายสมชาย ยังคงเชื่อมั่นว่าศาลจะตัดสินโดยยึดหลักนิติรัฐและข้อเท็จจริงที่ปรากฏต่อสังคม
นายสมชาย ย้ำว่า ข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นเป็นการประพฤติผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 และส่งผลให้ขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประเด็นที่เห็นได้ชัด ไม่จำเป็นต้องถกเถียงเรื่องเจตนาหรือไม่เจตนา เพราะไม่ใช่คดีอาญา แต่เป็นเรื่องของความบกพร่องในหน้าที่การเมือง
ทั้งนี้กรณีที่นางสาวแพทองธารลาประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน และไม่ให้สัมภาษณ์สื่อในระยะเวลา 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา นายสมชาย มองว่าอาจเป็นการ “เก็บวาจา” เพื่อเตรียมชี้แจง แต่ย้ำว่าในที่สุด ศาลและประชาชนจะได้ฟังคำตอบที่แท้จริงในวันที่ 21 สิงหาคม 2568 นี้