โบรกเสียงแตก กนง. ลดดอกเบี้ย รับศก.ไทยโตต่ำ–นักท่องเที่ยวไม่ฟื้น
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า น้ำหนักการลงทุนในวันนี้ มองว่านักลงทุนให้ความสนใจกับประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินที่จะทราบผลทางการในช่วง 14.00 น. เชื่อว่าที่ประชุมจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25%
โดยสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ราว 23 ท่าน พบว่าจำนวนเสียงราว 14 ท่านเชื่อว่าจะปรับลดดอกเบี้ยและอีก 9 ท่านเชื่อว่าจะคงดอกเบี้ยระดับเดิม จากข้อมูลข้างต้นพบว่าเสียงค่อนข้างก้ำกึ่งระหว่างลดกับไม่ลด ไม่ไปทางใดทางหนึ่งอย่างมีนัยยะ
ลดดอกเบี้ยกระตุ้นศก.
แต่ความเห็นฝ่ายวิจัยเชื่อว่าจะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% เนื่องด้วยเงินเฟ้อไทยที่ต่ำ (ล่าสุด -0.7% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน) และมีแนวโน้มว่าจะติดลบต่อเนื่องเพราะราคาน้ำมันที่อยู่ระดับต่ำผสานกับค่าไฟฟ้าที่ปรับลง (FT) ประกอบกับเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวต่ำ
และในช่วงถัดไปมีแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะขยายตัวต่ำลงกว่าครึ่งปีแรกเพราะว่าส่งออกได้เร่งไปก่อนหน้าแล้ว ในขณะที่การท่องเที่ยวยังไม่มีสัญญาณเชิงบวกจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะจีน ข้อมูลล่าสุดพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่ช่วง 1 ม.ค. – 10 ส.ค. สะสมที่ 20.19 ล้านราย (-6.9% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน)
หากพิจารณาเป็นรายสัปดาห์จะพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมขยายตัวเล็กน้อย 7% จากสัปดาห์ก่อน โดยนักท่องเที่ยวจีนกลับมาขยายตัว 5% จากสัปดาห์ก่อน มาเลเซียขยายตัว 11% จากสัปดาห์ก่อน
มองเป็นปัจจัยหนุนระยะสั้นเพราะหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนยังลดลง แต่อย่างไรก็ตามการลดดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นปัจจัยหนุนต่อกลุ่มการเงิน อย่าง MTC และ SAWAD
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,250 - 1,270 จุด มีปัจจัยหนุนจากการปรับขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลกหลังเงินเฟ้อต่ำกว่าคาดการณ์ แต่ยังเชื่อว่า Upside จำกัด ด้วยพื้นฐานไทยและ Valuation ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนจึงเน้นเพียงแค่การเก็งกำไรระยะสั้นพร้อมกับเลือกหุ้นที่มีปัจจัยหนุน อาทิ การเงิน (MTC SAWAD TIDLOR) ค้าปลีก (CPALL) อสังหาฯ (AP SPALI) เครื่องดื่ม (TACC)
นักวิเคราะห์ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า มองว่ากนง. มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง โดยมีปัจจัยสนับสนุน คือ สถานการณ์ Tariffs คลี่คลายเกือบหมดแล้ว ธนาคารกลางหลายแห่งจะทยอยลดอัตราดอกเบี้ยลง
และธปท.มีแนวโน้มจะกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น ทั้งนี้ในการประชุมครั้งนี้ จะเป็นการประชุมสุดท้ายก่อนนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ จะครบวาระ 30 ก.ย. 68 และนายวิทัย รัตนากร จะขึ้นดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธปท.ต่อไป
เสียงแตกหั่นดบ.ปลายปี
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า ประเด็นการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันนี้นั้น ทางฝ่ายคาดกนง. จะคงดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบนี้ ส่งผลบวกต่อกลุ่มธนาคาร ขณะที่ราคาหุ้นอาจได้แรงหนุนจากการประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลในช่วง 1 - 2 สัปดาห์ข้างหน้า
สำหรับโอกาสที่จะเห็นการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปี 68 นี้หรือไม่นั้น มองว่าที่ผ่านมา กนง. มีการปรับลดดอกเบี้ยลงแล้วถึง 2 ครั้ง ซึ่งกว่าที่การลดดอกเบี้ยจะเห็นผลอย่างชัดเจนก็ใช้ระยะเวลา 2-3 ไตรมาส หรือปลายไตรมาส 3 ต้นไตรมาส 4 จะเห็นผล
เป็นจังหวะที่ผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่เข้ามารับตำแหน่ง หากว่า กนง. พิจารณาแล้วว่าอัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดมาก่อนหน้านี้เพียงพอแล้ว ก็อาจคงระดับอัตราดอกเบี้ยต่อไป แต่หากว่าเห็นแล้วว่ายังไม่เพียงพอ รวมถึงเห็นผลกระทบจากการขึ้นภาษีการค้าของสหรัฐฯ ที่ออกมาสูง ก็มีโอกาสที่จะเห็นการปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 1 ครั้งในช่วงปลายปี 68 นี้
ภาพรวมกลยุทธ์ ประเมินดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,230 - 1,270 จุด ควรแบ่งทำกำไรกลุ่มที่ขึ้นมาเยอะ และกระจายไปยังกลุ่มที่ยังขึ้นน้อยกว่าตลาด อาทิ กลุ่มปันผลสูง (รวมธนาคาร) SCB, KBANK และกลุ่มการแพทย์ (laggard) BDMS, BCH, CHG เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
ส่วนหุ้นอื่นๆ ที่อาจพิจารณา ได้แก่ GUNKUL, THANI, TACC, CHG ประเมินกรอบแนวรับไว้ที่ระดับ 1,230 - 1,251 จุด และกรอบแนวต้านที่ระดับ 1,270 - 1,275 จุด สำหรับสัดส่วนลงทุน แนะนำคงเงินสด 50% และลงทุนพอร์ตหุ้น 50%
ด้าน บล.ไอร่า ระบุว่า ประเด็นการประชุม กนง. ในวันนี้นั้น มองว่าตลาดเริ่มคาดการณ์ถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% สู่ระดับ 1.50% ขณะที่ฝ่ายวิจัยคาดว่ามีโอกาสที่ กนง. อาจจะยังคงอัตราดอกเบี้ยต่อไปแต่คาดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้งในช่วงเดือน ต.ค. (คาดอาจรอให้ FED ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงก่อนในเดือน ก.ย.) อาจส่งผลให้ตลาดผันผวนบ้าง