ปริญญา แนะมส. ออกแนวปฏิบัติ พระใช้ไลน์ แม้ยากควบคุม แต่ต้องมี ยันเป็นที่ลับหูลับตา ต้องเคร่งครัด
ปริญญา แนะมส. ออกแนวปฏิบัติ พระใช้ไลน์ แม้ยากควบคุม แต่ต้องมี ถือเป็นที่ลับหูลับตา ต้องเคร่งครัด
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง [ แก้ปัญหาพระมีอะไรกับสีกา ต้องให้พระเคร่งครัดเรื่อง #ห้ามลับหูและลับตากับสีกาสองต่อสอง ] แสดงความคิดเห็นกรณีสีกากอล์ฟ โดยมีเนื้อหาดังนี้
เรื่องสีกากอล์ฟ ทำให้พระต้องสึกไปแล้วถึง 13 รูป ซึ่งล้วนแต่เป็นพระชั้นผู้ใหญ่ มีสมณะศักดิ์ เป็นถึงเจ้าคุณชั้นราช ชั้นเทพ หลายรูปเป็นถึงเจ้าคณะจังหวัด เป็นเรื่องที่สั่นสะเทือนวงการสงฆ์ไทยเป็นอย่างที่ไม่เคยปรากฏ
สีกากอล์ฟนั้นผิดแน่นอน แต่เรื่องนี้ไปโทษผู้หญิงฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เพราะพระพุทธเจ้าท่านบัญญัติพระวินัย หรือศีลของพระภิกษุสงฆ์สำหรับป้องกันไม่ให้พระมีปัญหากับสีกาเอาไว้แล้ว ศีลข้อนั้นก็คือ ไม่ให้อยู่ใน ‘ที่ลับตา’ และ ’ที่ลับหู’ กับผู้หญิงสองต่อสอง
#ที่ลับตา คือ “ในที่ลับคือในอาสนะกำบังพอที่จะทำการได้กับมาตุคามสองต่อสอง” ส่วน #ที่ลับหู คือ “ไม่เป็นที่กำบัง แต่เป็นที่พอที่จะพูดคุยกับมาตุคามด้วยวาจาชั่วหยาบได้“ หากจะต้องอยู่ในที่ลับหูหรือลับตากับสีกาเมื่อใด จะต้องมีบุคคลอื่นอยู่ด้วยเสมอ
ถ้าพระภิกษุของเราปฏิบัติตามศีลข้อห้ามไม่อยู่ในที่ลับหู และไม่อยู่ในที่ลับตากับสีกาสองต่อสอง จะไม่มีปัญหาแบบที่เกิดขึ้นในตอนนี้เลย แต่ก็เพราะพระของเราย่อหย่อนในข้อนี้กันมาก โดยมากก็มักจะประมาท เช่น ให้สีกามารับขึ้นรถไปสองต่อสอง แรกๆก็อาจจะยังไม่เป็นไร แต่พอหลายครั้งเข้าก็เริ่มเลยเถิดไปเรื่อยๆ จนถึงขั้นมีอะไรกัน ซึ่งเมื่อถึงจุดนี้ก็ผิดหนักเป็นครุอาบัติ คือปาราชิก ขาดจากความเป็นพระในทันที แม้จะยังไม่ลาสิกขาก็ไม่ใช่พระอีกต่อไป
แล้วที่ยุคนี้ที่มีปัญหาหนักขึ้น ก็เพราะ #โทรศัพท์มือถือ นี่แหละครับ ที่ทำให้พระสามารถคุยอะไรต่ออะไรกับสีกาสองต่อสองแบบ ‘ลับหู’ คนอื่นได้ แล้วที่หนักกว่าคือโซเชียลมีเดียดังเช่น #ไลน์ ที่ตอนนี้พระคุยกับสีกาทางไลน์เป็นเรื่องปกติธรรมดา โดยลืมคิดไปว่าการคุยไลน์กับสีกาคือการผิดศีลในข้อ ’ลับหู‘ เพราะเป็นการคุยกับสีกาสองต่อสอง นอกจากนี้ยังอาจจะผิดศีล ‘ลับตา’ ด้วย เพราะนอกจากไม่มีใครรู้ว่าคุยอะไรกันบ้างแล้ว ก็ไม่รู้ว่าส่งรูปอะไรให้ดูกัน หรือคุยวิดีโอคอลล์อะไรกันบ้าง ยิ่งพระไปวีดิโอคอลล์ในกุฏิ ก็คือผิดศีลข้อ ‘ลับตา’ เลยครับ
แล้วพอพระของเราหย่อนในเรื่อง #เงิน ด้วย ทั้งที่ๆ การรับเงินหรือยึดถือเงินไว้เป็นของตนนั้นเป็นอาบัติ สีกาที่ประสงค์เงินก็จะเข้าหาพระที่มีเงิน หลอกให้หลง หลอกให้รัก แล้วก็หลอกเอาเงิน แล้วพระที่มีเงินก็คือพระผู้ใหญ่นี่แหละครับ ยิ่งสมณศักดิ์สูงมากก็ยิ่งมีเงินมาก พระที่อาบัติปาราชิก จึงเป็นพระสมณศักดิ์สูงดังเช่นที่ปรากฏในขณะนี้
มหาเถระสมาคมตอนนี้ก็เริ่มมีมาตรการแก้ปัญหาเรื่องการจัดการกับพระอาบัติปาราชิกแล้ว แต่ผมยังไม่เห็นมาตรการเชิงป้องกัน โดยให้พระภิกษุสงฆ์เคร่งครัดในเรื่องการห้ามอยู่ในที่ลับหูลับตากับสีกาสองต่อสองเลยครับ ผมจึงขอเสนอให้มหาเถระสมาคมท่านออกประกาศในเรื่องนี้ให้ปฏิบัติกันอย่างจริงจัง รวมถึงเรื่องกำหนดแนวทางเรื่องการใช้ไลน์หรือแอปพลิแคคชั่นอื่นทำนองเดียวกันกันกับสีกาด้วย
ตอนนี้ที่จีบกันโดยมากก็ทางไลน์นี่แหละครับ แม้ว่าในทางปฏิบัติอาจจะยากในการควบคุม แต่ก็จะทำให้มีแนวทางปฏิบัติสำหรับพระและญาติโยม ได้รู้ว่าควรหรือไม่ควรเช่นไร ที่รู้แล้วก็จะได้หยุดประมาท พระก็จะมีศีลข้อนี้คุ้มครองอีกครั้ง พระไม่ดีก็จะมีน้อยลง สรุปคือ พระปาราชิกต้องให้ออกไป แต่มหาเถระสมาคมควรต้องมีมาตรการเชิงป้องกันคือประกาศให้ #เคร่งครัดเรื่องห้ามลับหูลับตากับสีกาสองต่อสอง ด้วยครับ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ปริญญา แนะมส. ออกแนวปฏิบัติ พระใช้ไลน์ แม้ยากควบคุม แต่ต้องมี ยันเป็นที่ลับหูลับตา ต้องเคร่งครัด
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th