“ธีระชัย” แนะ รัฐบาลเพื่อไทย เตรียมงบเยียวยา ผลกระทบ “ภาษีทรัมป์”
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พปชร. อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวถึงกรณีที่กรมบัญชีกลาง ทำหนังสือถึงปลัด อธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บริหารท้องถิ่นและรัฐวิสาหกิจทุกหน่วยงาน ในการจัดซื้อจัดจ้างงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท กรณีมีผู้ยื่นประมูลรายเดียวก็ให้รับงานได้เลยนั้น นายธีระชัยเตือนให้ระวังการรั่วไหลงบประมาณครั้งใหญ่
นายธีระชัย กล่าวต่ออีกว่า จุดอ่อนอยู่ที่ข้อปฏิยัติที่กำหนดว่า “การที่จะถือว่าหน่วยงานของรัฐได้รับความเห็นชอบวงเงินงบประมาณที่จะใช้ในการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบๆ ข้อ 11 ในกรณีที่เป็นรายจ่ายงบกลางที่หน่วยงานของรัฐได้รับอนุมัติแล้วตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ ตามหนังสือที่อ้างถึง 2 ข้อ 2.3 การได้รับอนุมัติแล้วตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณนั้น หมายถึงการได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ดังนั้นกรณีโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแล้ว หน่วยรับงบประมาณสามารถดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างต่อไปได้
นายธีระชัย เห็นว่า ขบวนการอนุมัติดังกล่าวมีข้อเสี่ยงต่อการรั่วไหล เนื่องจากกำหนดให้ผู้พิจารณาเสนอโครงการคือหน่วยรับงบประมาณดังระบุขั้นตอนในข่าวกระทรวงการคลังลงวันที่ 20 พ.ค. 2568 โดยเสนอ โครงการผ่านรองนายกรัฐมนตรี รัฐมตรีเจ้าสังกัดหรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแล เพื่อเสนอคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจพิจารณาตามที่คณะกรรมการน โยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจมอบหมาย จึงเป็นการขบวนการพิจารณาจากด้านบนลงล่าง (top down) ที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน แทนที่จะเริ่มด้วยการสำรวจถามความเห็นที่สะท้อนความต้องการหรือการใช้ประโยชน์ของชุมชนอย่างแท้จริงจากระดับล่างขึ้นบน (bottom up) และไม่เปิดให้ผู้นำชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในขั้นตอนการพิจารณาคัดเลือกโครงการ
“การทำโครงการแบบเร่งรีบที่เริ่มประกาศในเดือนพฤษภาคมและเร่งจบในเดือนมิถุนายนนั้น เมื่อบวกกับการผ่อนคลายขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างเช่นนี้ จะเปิดช่องให้นักการเมืองสามารถเข้ามาแทรกแซงได้ง่ายผ่านรัฐมนตรี รวมทั้งไม่มีกระบวนการตรวจสอบการใช้ประโยชน์ที่ชัดเจน นอกจากนี้ รัฐบาลมีปัญหายังไม่ทราบผลการเจรจาภาษีอากรการค้ากับสหรัฐ จึงควรจะชะลอการใช้เงินตามโครงการนี้ไว้ก่อนจนเลยวันที่ 1 ส.ค. ไปก่อนเผื่อเอาไว้หากมีความจำเป็นหลังต้องเยียวยาจากผลเจรจาดังกล่าว” นายธีระชัย กล่าว