'ออนิกซ์กรุ๊ป'ยกระดับมาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์ประกาศนโยบายโรงแรมเปลี่ยนมาใช้ไข่ไก่ไร้กรง
เมื่อ ธุรกิจโรงแรมในเอเชียมีแนวโน้มให้ความสำคัญกับมาตรฐานด้านจริยธรรมในการปฏิบัติต่อสัตว์ ล่าสุด กลุ่มบริษัท ONYX Hospitality Group ได้ประกาศเจตนารมณ์เปลี่ยนมาใช้ไข่ไก่ปลอดกรง (Cage-free Eggs) ในเครือโรงแรมและรีสอร์ต ในประเทศไทย ลาว มาเลเซีย และศรีลังกา หลังการหารือร่วมกับซิเนอร์เจีย แอนนิมอล (Sinergia Animal) องค์กรพิทักษ์สัตว์ระดับสากล ซึ่งนับเป็นหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนถึงการยกระดับมาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์ในอุตสาหกรรมบริการของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สนับสนุนระบบอาหารแบบยั่งยืน
โดย Sukamal Mondal รองประธานกรรมการแผนกปฏิบัติการและความยั่งยืนของ ONYX Hospitality Group กล่าวถึงแนวทางขององค์กรว่า นโยบายไข่ไก่ปลอดกรงนี้ครอบคลุมถึงแบรนด์หลักของ ONYX Hospitality Group ได้แก่ Amari, Oriental Residence และ OZO โดยจะเริ่มดำเนินการในประเทศไทยในปี 2568 และตั้งเป้าหมายให้บรรลุการใช้ไข่ไก่ปลอดกรง 50% ภายในปี 2569 และ 100% ภายในปี 2570 ในทุกประเทศที่ให้คำมั่นไว้
ส่วน ศนีกานต์ รศมนตรี ผู้อำนวยการ ซิเนอร์เจีย แอนนิมอล ประเทศไทย กล่าวว่า การประกาศนโยบายไข่ไก่ปลอดกรงของ ONYX Hospitality Group ถือเป็นก้าวสำคัญของธุรกิจโรงแรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะการใช้ไข่ปลอดกรงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ด้านสวัสดิภาพสัตว์ที่ควรเกิดขึ้นจากนี้เป็นต้นไป
ซึ่ง ศนีกานต์ กล่าวต่อว่า ประเด็นทางจริยธรรมของการเลี้ยงไก่ไข่ในระบบกรงขังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นทั่วโลก ในระบบนี้ เพราะแม่ไก่แต่ละตัวมักถูกเลี้ยงในพื้นที่แคบที่เล็กกว่ากระดาษ A4 ทำให้ไม่สามารถเดิน กางปีกได้สุด หรือแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติได้ ส่งผลต่อทั้งสุขภาพกายและจิตใจของสัตว์ ดังนั้น ONYX Hospitality Group จึงได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดหาวัตถุดิบที่สอดคล้องกับคุณค่าองค์กรผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย โดยระบุว่าวัตถุดิบทุกชิ้นบอกเล่าเรื่องราว จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้ไข่ไก่ปลอดกรงในเครือโรงแรม
แรงผลักดันในการเปลี่ยนแปลง
โดย Sukamal Mondal รองประธานกรรมการแผนกปฏิบัติการและความยั่งยืนของ ONYX Hospitality Group ว่า ONYX Hospitality Group มีความมุ่งมั่นต่อแนวคิดด้าน Sustainability Crafted Hospitality ซึ่งหมายถึงการรวมประสบการณ์การบริการระดับห้าดาวเข้ากับแนวทางที่มีจริยธรรมและรับผิดชอบต่อสังคม จึงเป็นแรงผลักดันในการเปลี่ยนมาใช้ไข่ไก่ปลอดกรง เพื่อต้องการยกระดับสวัสดิภาพสัตว์ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจ และสนับสนุนระบบอาหารที่มีเมตตาและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น เพราะไข่ปลอดกรงไม่ใช่แค่ส่วนประกอบของเมนูอาหาร แต่เป็นสัญลักษณ์ของการก้าวไปสู่อนาคตที่มีความรับผิดชอบและความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งภาคธุรกิจด้านการบริการมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนด้วยเช่นกัน
สำหรับนโยบายไข่ไก่ปลอดกรงดังกล่าวไม่ใช่เพียงการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรเท่านั้น แต่เป็นการส่งสัญญาณถึงภาคธุรกิจว่า การจัดหาวัตถุดิบอย่างมีจริยธรรมและใส่ใจสวัสดิภาพสัตว์ ควรเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม โดยมีความเชื่อว่าความร่วมมือคือกุญแจสำคัญของการเปลี่ยนแปลง และหวังว่าการแบ่งปันความก้าวหน้าในครั้งนี้ ทั้งในด้านความท้าทายและแนวทางแก้ไข จะมีส่วนช่วยสร้างระบบอาหารที่มีเมตตาและยั่งยืนมากขึ้นสำหรับทุกคน
ทั้งนี้ ซิเนอร์เจีย แอนนิมอล เริ่มดำเนินงานในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2562 โดยเน้นการสร้างความตระหนักรู้เรื่องสวัสดิภาพสัตว์ควบคู่กับการทำงานร่วมกับภาคธุรกิจ และใช้เครื่องมืออย่าง Asia Cage-Free Tracker เพื่อส่งเสริมความโปร่งใสและติดตามความคืบหน้าของนโยบายการเลิกใช้ไข่ไก่จากระบบกรงในห่วงโซ่อุปทานของบริษัทต่าง ๆ
โดยข้อมูลจาก Chicken Watch ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการติดตามความคืบหน้านโยบายเลิกใช้ไข่จากระบบกรงของภาคธุรกิจระดับโลก ระบุว่ามีบริษัทกว่า 300 แห่งในภูมิภาคเอเชียที่ประกาศเลิกใช้ไข่จากระบบกรงขัง ครอบคลุมทั้งกลุ่มผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ เครือร้านอาหาร และภาคธุรกิจโรงแรม ทำให้การจัดหาวัตถุดิบอย่างมีจริยธรรมไม่ใช่เรื่องเฉพาะกลุ่มอีกต่อไป แต่กำลังจะกลายเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมใหม่
พร้อมกันนี้ ศนีกานต์ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวไข่ไก่ปลอดกรงไม่ใช่แค่ทางเลือกอีกต่อไป แต่คือการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก จึงขอเชิญชวนบริษัทอาหารและโรงแรมในประเทศไทยและทั่วภูมิภาคเข้าร่วมไปด้วยกัน เพื่อที่เราจะสามารถสร้างระบบอาหารที่ใจดีกับสัตว์มากขึ้น และยังสอดคล้องกับค่านิยมของผู้บริโภคในปัจจุบันด้วย