ไทยไม่มีทางตัน ‘เฟสติวัลแห่งชาติ’ รัฐ-เอกชน ต้องเดิมพันหนุนงบยาว
งาน SPLASH-Soft Power Forum 2025 ที่จัดเพื่อโชว์ศักยภาพประเทศไทยในการสร้างอำนาจละมุนหรือ Soft Power ให้ผงาดบ้าง มีหลายหัวข้อที่เชิญวิทยากรหลากภาคส่วนแบ่งปันมุมมอง วิธีคิด โอกาส ตลอดจนอุปสรรค หากไทยจะสร้างเศรษฐกิจจากซอฟต์ พาวเวอร์
หนึ่งในหัวข้อที่น่าสนใจคือ ”SPARK Influencer Marketing Playbook : How Influencers Elevate Thai Festivals Worldwide สูตรลับพาเทศกาลไทยไประดับโลกด้วยพลังอินฟลูเอนเซอร์“ มีกูรูอีเวนต์ ผู้จัดงานเฟสติวัลหลากวงการแชร์กรณีศึกษา หนึ่งในนั้นคือ กอบเกียรติ แสงวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไตรลีก (ประเทศไทย) จำกัด และผู้อำนวยการงานวิ่ง Amazing Thailand Marathon Bangkok และ IRONMAN 70.3 Bangsaen
“กอบเกียรติ” ฉายภาพว่า หลังโควิด-19 ระบาด เทรนด์ผู้บริโภครักสุขภาพและ “การวิ่ง” กลายเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมมากขึ้นต่อเนื่อง จนขณะนี้ที่ทุกคนกำลังเผชิญ “ความเครียด” และ “เศรษฐกิจตกต่ำ” ทำให้ผู้คนเลือกทำกิจกรรม “ออกไปวิ่งดีกว่า” เพื่อลดกรด สร้างสุขภาพที่ดี ให้มีพลังวังชาไปสู้รบปรบมือกับปัจจัยรายล้อม ดูแลครอบครัวตัวเองได้
Cr.Amazing Thailand Marathon Bangkok
“ปัจจัยสำคัญหนึ่ง เวลาคนเครียด เศรษฐกิจตก การวิ่งจะตีคู่กับมาม่า” กอบเกียรติ ย้ำสถานการณ์เศรษฐกิจ ปากท้องเวลานี้
กระแสวิ่งไม่ได้เกิดแค่ในไทยแต่ยังได้รับความนิยมทั่วโลก เพราะทุกคนในโลกต่างให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น แต่ถ้ามองเฉพาะในประเทศไทย เมื่อคนใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ทำให้มีการจัดงานวิ่งค่อนข้างมาก ทุกสัปดาห์อยู่ที่ 20-30 รายการทั่วไทย ซึ่งเป็นสิ่งดี แต่การจะจัดงานให้ใหญ่ “ทำถึง” ดึงดูดคนเข้าร่วมงานมหาศาล สร้างกระแสกลับไปสู่ “เศรษฐกิจ-การท่องเที่ยว-กีฬา” ก็ต้องเลือกเช่นกัน
“กอบเกียรติ” จัดมาหลายงาน หากที่เป็น Talk of the town และได้รับความสนใจอย่างมากคือการเชิญนักวิ่งมาราธอนระดับโลกชาวเคนยาที่ได้รับสมญานาม King of Marathon อย่าง “Eliud Kipchoge” มาวิ่งมาราธอนในงาน Amazing Thailand Marathon Bangkok ซึ่งงานดังกล่าวยังมีนักวิ่งไทยและจาก 77 ประเทศทั่วโลกสมัครร่วมกิจกรรมเกือบ 5 หมื่นคน
การจัดงานวิ่งใหญ่ทำถึง ไม่เพียงมีผู้สมัครที่เป็นนักวิ่ง ยังมีผู้ติดตามมาด้วย รวมจำนวน 1.5 คน นั่นหมายถึงงานหนึ่งผู้จัดต้องดูแลคนนับแสน ยิ่งกว่านั้น คนที่มาร่วมกิจกรรม มีการจับจ่ายใช้สอย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจราว 10 เท่า ไม่เพียง ใช้จ่ายค่าเครื่องบิน ที่พัก แต่ยังท่องเที่ยว ช้อป ชิม ชิลล์ ฯ กระจายเม็ดเงินสู่ท้องถิ่น นอกเหนือจากผู้จัดงานได้รับด้วย
Cr.Amazing Thailand Marathon Bangkok
“เฟสติวัลสร้างกระแสได้ขนาดไหน..โอ้โห! พลังมหาศาล เพราะคนๆหนึ่งจะมาใช้เงินในท้องถิ่น ไม่แค่ที่งานของเรา แต่กระจายไปยังอาหารการกิน ของที่ระลึก ท่องเที่ยว มากมายก่ายกอง สร้างความทวีคูณด้านเศรษฐกิจหลายสิบเท่า”
ประเทศไทยมีโอกาสในการก้าวสู่การสร้าง “เฟสติวัลแห่งชาติ” มีสิทธิ์ “โกอินเตอร์” ทุกทาง ด้วยความคิดสร้างสรรค์หรือครีเอทีฟสูง “กอบเกียรติ” ผ่านการศึกษา ดูงานเฟสติวัล อีเวนต์ใหญ่ๆ ในยุโรป สหรัฐฯ พบข้อจำกัดหลายประการ เช่น จัดงานวิ่ง มีข้อห้ามตามตรอกซอกซอย ตีกรอบโซน ส่วนไทย “มีความยืดหยุ่นของเมืองสูง” แต่การจัดงาน ผู้จัดต้องมีสามัญสำนึก สร้างมาตรฐานระดับสากลให้ได้ เพราะหากจัดใหญ่โปรดักท์ชันไม่ดี เกิดอุบัติเหตุ มีความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน..พัง! จบข่าวแน่นอน
“ผู้จัดของเรามีความเชื่อและวัฒนธรรมไทยที่ประยุกต์ใช้ ทำให้งานเฟสติวัลของไทยมีสเน่ห์ เราไม่เป็นสองรองใคร ทั้งการมาร่วมงานวิ่งทั้งทียังได้มาเที่ยวในราคาถูกด้วย ฝั่งหนึ่งคนร่วมงานจ่ายเงินให้ผู้จัด หากไปจ่ายที่อื่นเพิ่ม ถือว่าสร้างประโยชน์ให้ประเทศสูงสุด”
Cr.Amazing Thailand Marathon Bangkok
ทว่า การจัดงานใหญ่ ทำถึง! ไม่ง่าย ยิ่งต้องพึ่งพา “พลังภาครัฐ-เอกชน” ด้านเงินทุน แรงสนับสนุน ยิ่งจะผลักดันให้เป็น “เฟสติวัลแห่งชาติ” สร้างความยั่งยืน ต้องมีเดิมพัน อย่างการจัดงาน Amazing Thailand Marathon Bangkok “กอบเกียรติ” มีบทเรียนในการผสานความร่วมมือกับ “ภาครัฐ-เอกชน” สร้างพันธสัญญาแน่วแน่ในการ “สนับสนุนกิจกรรมระยะยาว 5 ปี”
“ผมขอ commitment กับภาครัฐและเอกชนต้องสนับสนุน 5 ปี ถ้าไม่ 5 ปี ผมไม่รอด จัดปีเดียว ปีหน้าไม่เอากับผม..ผมก็ไปต่อไม่ได้ แต่ผม bet นะ ถ้าภายใน 2-3 ปี ผมทำไม่ได้ ผมคืนหมด นี่คือความนักเลงของนักกีฬา วงการกีฬาเราสู้ เราเชื่อว่าถ้าเราทำรอด ก็รอดหมด การทำธุรกิจ บุคลากรรอด”
การร่วมมือกันจัดเฟสติวัล อีเวนต์ต่อเนื่อง 5 ปี ยังต่อยอดสู่โอกาส การสร้างเครือข่ายสายสัมพันธ์ เกิดการร่วมทุนทางธุรกิจให้เติบโต
ตัวอย่างการจัดงานวิ่งมาราธอน Amazing Thailand Marathon Bangkok ที่ผ่านมามี “Kipchoge” เข้าร่วมกับจำนวนคนทั้งสิ้นเกือบ 5 หมื่นคน มีนักท่องเที่ยว 20% หรือราว 1 หมื่นคนที่บินมาเพียงวันเดียว ครั้งนี้ ผู้จัดได้เจรจากับรัฐบาล และการันตีหากสามารถหาเงินได้จำนวนหนึ่ง จะคืนเท่าที่รัฐจ่ายเงินสนับสนุน ภายใต้ความมั่นใจจะมีคนเข้าร่วมกิจกรรมเกิน 4 หมื่นคน ถือว่า “กำไรแล้ว”
Cr.Amazing Thailand Marathon Bangkok
สิ่งที่ผู้จัดทำไม่เพียงสร้างรายได้ทางธุรกิจ แต่สามารถ “จ่ายภาษี” ให้ภาครัฐด้วย แต่เงื่อนไข รัฐ รวมถึงการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ต้องช่วยประชาสัมพันธ์ ดึงนักวิ่งทั่วโลก 5,000 ราย ส่งมาให้ผู้จัดดูแล ซึ่งผลคือดีมาก ที่สำคัญ Kipchoge นักวิ่งมาราธอนระดับโลก มีอิทธิพลหรือ Influent นักวิ่งอื่นๆได้อย่างดี รวมถึงมีอินฟลูเอนเซอร์อื่นๆช่วยเป็นกระบอกเสียงให้กับ “เฟสติวัลแห่งชาติ” ของไทยได้อย่างดี
“ประเทศไทยไม่มีทางตัน แต่เราต้องคุยให้ชัดเจนจะคืนเขา(ผู้สนับสนุนงบประมาณ)ยังไง คุณจ่าย(สนับสนุน)งานผม 30 ล้านบาท ผมคืน 60 ล้านบาทให้นะ ถ้าผมได้จำนวนหนึ่ง แต่ถ้าไม่ได้ เราเจ๊ง!ร่วมกันนะ คุณต้องช่วยผม”