เอ็นจีโอ เผย เหตุปะทะระหว่าง 2 ชนเผ่าในซีเรีย ดับเกือบ 600 ราย
กลุ่มเฝ้าระวังสิทธิมนุษยชนซีเรีย(SOHR) เอ็นจีโอ ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในกรุงลอนดอน อังกฤษและติดตามเรื่องสถานการณ์ในซีเรีย เปิดเผยเมื่อค่ำวานนี้(17 ก.ค.)ว่า มีผู้เสียชีวิต 594 รายจากเหตุปะทะกันระหว่าง ชนเผ่าดรูซ กับชนเผ่าเบดูอิน ในจังหวัดสุไวดา ทางภาคใต้ของซีเรีย นับตั้งแต่วันอาทิตย์(13 ก.ค.) โดยตัวเลขผู้เสียชีวิตดังกล่าวจำแนกเป็นชนเผ่าดรูซเสียชีวิต 300 ราย เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของซีเรีย 272 รายและที่เหลืออีก 22 ราย เป็นชนเผ่าเบดูอิน
สำหรับจุดเริ่มต้นจากเหตุปะทะกันระหว่าง 2 ชนเผ่า เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 13 ก.ค.หลังจากนักรบจากชนเผ่าเบดูอินบุกปล้นและทำร้ายชนเผ่าดรูซ ขณะเดินทางด้วยรถยนต์บนทางหลวงเส้นหนึ่ง ซึ่งเชื่อมโยงระหว่างเมืองสุไวดา กับ กรุงดามัสกัส ทำให้ผู้นำชนเผ่าดรูซ ตอบโต้ด้วยการบุกจับชนเผ่าเบดูอินเป็นตัวประกัน ทำให้สถานการณ์เริ่มบานปลายอย่างต่อเนื่อง กระทั่งรัฐบาลประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ด อัล-ชาราของซีเรีย ส่งกำลังทหารไปยังพื้นที่ดังกล่าว เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย แต่ถูกชนเผ่าดรูซ กล่าวหาว่าเข้าข้างชนเผ่าเบดูอิน
ขณะเดียวกัน อิสราเอลได้โจมตีกองกำลังรัฐบาลซีเรียตั้งแต่วันอาทิตย์(13 ก.ค.) อ้างว่าเพื่อช่วยปกป้องชนเผ่าดรูซ ทำให้กองทัพซีเรียสั่งถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ดังกล่าว พร้อมทั้งทำข้อตกลงหยุดยิงกับชนเผ่าดรูซ สำหรับชนเผ่าดรูซเป็นชาวอาหรับ ที่มีประชากรประมาณ 1 ล้านคน อาศัยอยู่ในซีเรีย เลบานอน และอิสราเอล
โฆษกระทรวงความมั่นคงภายในของซีเรีย เปิดเผยว่า ซีเรียเตรียมส่งกำลังทหารกลับไปควบคุมสถานการณ์ในเมืองสุไวดาอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ อิสราเอลเตือนทางการซีเรียให้ถอนกำลังออกจากพื้นที่ภาคใต้ของซีเรีย พร้อมส่งเครื่องรบไปทิ้งระเบิดโจมตีค่ายทหารของกองทัพซีเรียและเป้าหมายอื่นๆในกรุงดามัสกัส เพื่อย้ำถึงคำเตือนนั้น ทำให้ซีเรียถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ดังกล่าว
#เหตุรุนแรงซีเรีย
ที่มา: bbc, aljazeera