พลิกชีวิต! ‘ปอนด์ รุ่งรัตน์’ เชื่อศัลยกรรมเปลี่ยนโหงวเฮ้ง พาชีวิตจากคนไร้งานสู่นักแสดงคิวทอง!
หายหน้าหายตาจากวงการไปพอสมควร สำหรับ “ปอนด์-รุ่งรัตน์ ดวงดี” อดีตนักแสดงมากฝีมือ ที่ก่อนหน้านี้เคยประสบวิกฤติหนักถึงขั้นไร้งานและที่อยู่อาศัย อีกทั้งฝ่าวิบากกรรมมาหลายรูปแบบ จากเจ้าหนี้สู่ลูกหนี้ ต้องเร่ร่อน เครียดหนักเนื่องจากแม่และพี่ชายก็มาล้มป่วยด้วยนั้น
ล่าสุดสถานีโทรทัศน์ ไทย พีบีเอส มีพิธีบวงสรวงละครใหม่ 3 เรื่องแซนดี้ ครูแสนดี, วิชาทุก(ข์)พื้นฐาน และ อาชญาโกง2 ปอนด์ ได้เป็นหนึ่งในนักแสดงนำที่มาร่วมพิธีบวงสรวง และได้ออกมาเปิดใจถึงจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตที่เธอเชื่อว่ามาจากการทำศัลยกรรมใบหน้า ที่ทำให้โหงวเฮ้งเปลี่ยนและฟ้าเปิด พร้อมทั้งอัปเดตชีวิตหลังฝ่าฟันอุปสรรคสำเร็จ
ปอนด์ เผยว่า “สำหรับการหายหน้าหายตาไปจากวงการ ก็หายไปจริง ๆ ค่ะ แต่โชคดีที่ Thai PBS ไม่เคยทิ้ง มีบทไหนเหมาะสมก็ได้โอกาสมาเล่นค่ะ ในเรื่องนี้เป็นครูเจ้าระเบียบ เจ้าเหวี่ยง ๆ ขนาดครูด้วยกันยังถึงกับบอก ผอ.ว่าเป็นครูเข้มงวด ส่วนตัวเองก็เข้มงวดเหมือนกัน ตัวจริงดุแต่ใจดี ในเรื่องก็ใจดี คอยแอบช่วยเหลือหลาย ๆ คน สุดท้ายเรานี่แหละเข้าใจทุกเรื่อง ทั้งระบบการศึกษา ระบบใหม่ระบบเก่าผสมผสานกัน ในเรื่องมีน้อง ๆ หลายเจนฯ ใหม่ ๆ ทั้งนั้นเลย เราก็นั่งเป็นป้า ๆ เงียบ ๆ น้อง ๆ น่ารักซน ๆ เขาเล่นกัน เราจะแก่ที่สุดในโรงเรียน เด็ก ๆ น่ารักมาก เขาเก่งนะ มีความขยัน มีความตั้งใจ บทนี้เป๊ะทุกคน ทำให้เราสดชื่นด้วยซ้ำ มีสีสันในเรื่องมาก ๆ ค่ะ
ส่วนการรับงานปีละเรื่อง ช่วงที่ไม่ได้ถ่ายละครทำอะไร คือเราโชคดีที่อย่างน้อยมีละครบ้าง เราเองวิกฤติมาตั้งแต่ช่วงโควิด วิกฤติมาก ๆ จากที่เคยมีแต่ลูกหนี้ กลายเป็นเราเป็นลูกหนี้แทน จากการช่วยเหลือคนอื่น ตอนที่วิกฤติแม่จากที่แข็งแรงดีเขากลายเป็นซึมเศร้า จากการที่เห็นเราวิกฤติ คำว่าวิกฤติของเราคือไม่มีแม้กระทั่งที่อยู่อาศัย ไม่มีรถขับ ไม่มีเงิน ไม่มีงาน ไม่มีแม้ข้าวจะกิน มันแย่ไปหมดเลย ปีละเรื่องละครเรื่องหนึ่งมันไม่พอใช้ตลอดปีอยู่แล้ว แต่โชคดีที่ยังมีงาน
โชคดีได้โอกาสจากพี่น้องสื่อ ตอนนั้นเราเร่ร่อนเลย แต่สุดท้ายก็ต้องย้ายครอบครัวมาอยู่กรุงเทพฯ เขาว่าอยู่ต่างจังหวัดจะประหยัดค่าใช้จ่าย คือเราเป็นห่วงแม่ทำให้เราต้องเดินทางไปมา สุดท้ายมาเช่าบ้าน แล้วได้พี่ชายเป็นโรงงานขายกางเกงยีน เขาก็ให้เราเอาไปขายตามตลาดนัดรถไฟ ขายเสร็จกลับมาคือต้องมาดูแลแม่ด้วย กลายเป็นบ้านหมุน จนเราป่วยไปด้วย แต่ก็ได้ “พี่ท็อป-พี่ไทด์” ที่มาดูแล ถามเราเป็นอะไร สุดท้ายเขาก็ช่วยเอาแม่ไปดูแลอยู่พักหนึ่ง พอหายก็ไปรับกลับมา เป็นแบบนี้อยู่พักใหญ่ ต้องขอบคุณทุกคนจริง ๆ
แล้วก็มีเรื่องโชคดี คือได้มีโอกาสถูกเรียกไปรีวิวการศัลยกรรมหน้าที่คลินิก YKJ Medical Center คือเขาติดต่อมา ซึ่งตอนนั้นเราหมองหม่นไปหมดนะ หน้าตาเราก็อายุเยอะ ไม่รู้จะทำอะไร แต่พอได้ศัลยกรรมมานะ 2 อาทิตย์งานเข้าเลย แล้วก็มีละครจาก Thai PBS ที่ให้โอกาสมารับเล่นนี่แหละ แล้วก็มีงานพิธีกรติดต่อมาเป็นช่องเคเบิล เขาให้ทำรายการตอนนี้ 5 รายการนะ
และตอนนี้ก็ไปทำหน้ามาแล้วฟ้าเปิด เหมือนได้ปรับโหงวเฮ้ง เปลี่ยนโหงวเฮ้ง เปลี่ยนความสดใส เปลี่ยนความรู้สึกของเรา แล้วตอนนี้คือเรามีถือลิขสิทธิ์เพลง หนังต่าง ๆ ซึ่งที่ผ่านมามันมืดมนมากนะ แต่อยู่ ๆ มีต่างประเทศมาติดต่ออยากได้งานไปต่อยอด แล้วมันได้เป็นเงินก้อนด้วย”
นักแสดงมากฝีมือ เล่าต่อว่า “ตอนนี้ชีวิตดีขึ้นมาก บอกหลาย ๆ คนว่าชีวิตดีขึ้นมากเลย ดีขึ้นในที่นี้คือไม่ต้องดิ้นรนไปหาเงิน จ่ายค่าเช่าบ้าน แต่ก็ยังต้องหาอีก ก็ต้องหาทางเพื่อให้เราไปได้ต่อ แล้วยังมีพอได้คืนคนที่เขาให้ความช่วยเหลือเราไว้ด้วยตอนที่เราลำบาก ค่อย ๆ คืนค่ะ ส่วนลูกหนี้ของเรามี 2 ประเภทคือหายไปเลย ติดต่อไม่ได้เลย กับลูกหนี้ที่ยังอยู่แต่เขาลำบาก แต่ก็มีทำโปรเจกต์ใหม่ ๆ กันเพื่อให้เขามีรายได้เข้ามา คนกลุ่มนี้ยังจับมือกันอยู่ ถือว่าเราโชคดีอย่างน้อยวันนี้มีคนติดต่อเข้ามาให้ทำงานค่ะ การที่มีคนติดต่อเข้ามา พูดคุยกับเรา มาแก้ปัญหาร่วมกัน คือเรารู้สึกว่าเรามีความสุข เราจะลืมความทุกข์ให้หมด มีใบหน้าที่สดใส ไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่า แต่หลังจากเรามีใบหน้าที่สดใสขึ้น ทุกอย่างเปิดจากที่มันตกไปหมดค่ะ ฟ้าเปิดเห็นได้ชัดเลย
ถามว่าเกี่ยวกับโหงวเฮ้งแน่ ๆ คือไม่รู้เกี่ยวหรือเปล่าแต่ตอนนั้นตาตก เราทำทั้งหน้า คุณหมอเมตตาทำให้หมดเลย ตอนนั้นเราอะไรก็ได้เนอะให้เรารู้สึกดีขึ้น ได้ฉีดไขมันหน้าผาก ดึงหน้า ดึงคอ มีแก้จมูกจากการเสริมของเดิมด้วย ส่วนเรื่องโหงวเฮ้งไม่ได้คุย คุยแค่เรื่องความงาม แต่หลังจากทำเสร็จหมอก็ถามว่า มีงานเข้าหรือยัง เราก็งงว่าคุณหมอรู้ได้อย่างไร ก็บอกไปว่า มีค่ะ มีละคร 2 เรื่อง แล้วคุณหมอก็บอกว่าเดี๋ยวมีมาเรื่อย ๆ พูดไปก็ขนลุกไม่เชื่อก็ต้องเชื่อบ้างแล้ว งานเข้าจริง ๆ เดี๋ยวจะมีทำตาให้เปิดขึ้นสว่างขึ้นอีกค่ะ”
ปอนด์ ได้เผยต่ออีกว่า “ส่วนลูกหนี้ของเรา คนที่เกี่ยวเนื่องมากับเงินก้อนที่เราเป็นหนี้ ยังคุยกัน ยังจับมือกัน ยังหาทางออก ของเขาหนักกว่าเรา อย่างสมมุติว่าของเค้าเป็นร้อยล้าน ของเราแค่ 10 ล้าน แต่เราก็ยังร่วมมือกันหาทางออก แต่ว่าลูกหนี้ที่หายไปเลยก็เป็น 10 ราย เหมือนกัน และเป็นล้านก็มี แบบนี้คือหายไปเลยติดต่อไม่ได้ ตอนนี้ก็อวยพรเขาค่ะ ให้เขามีชีวิตที่ดี ถ้ายังไงกลับมาคุยกัน คือกลุ่มพวกนี้เฟซก็หายไลน์ก็บล็อก มือถือก็ไม่รับ เราก็ไม่ได้แจ้งตำรวจ เพราะว่าทุกวันนี้แค่ดิ้นรนเพื่อจะกินในตอนนั้น มันก็ยากแล้ว มันเสียเวลา มันอาจจะเป็นวิถีของเราเอง คือถ้าเรารู้สึกว่าเราไปหมกมุ่นกับสิ่งที่มันหายไปแล้ว มันจะทำให้ใจเราเป็นทุกข์ เราตัดหมดเลย
อย่างวันนี้เห็นว่าสดใสขึ้น ถ้าใครติดตามก็จะเห็นว่าเรามีงานเยอะ ก็เลยตัดไปเลยทุกอย่างออกจากใจที่มันจะทำให้เราหม่นหมอง แต่ทำใจให้หัวใจเป็นสุขก่อน คือจำนวนมันเยอะนะ ถามว่าตัดได้เหรอ คือเราก็เสียเพื่อน แต่เราก็ไม่ได้ตัดได้ขนาดนั้น ก็เสียดายเพราะว่ากว่าจะได้มา แต่ว่าแค่พักไว้เฉย ๆ และอวยพรให้เขาโชคดี และถ้าเขาได้ดีมาก็หวังว่าจะมาคืน ซึ่งเราก็หวังแบบนั้น เพราะว่าคนที่มายืมเราไม่ใช่คนอื่นเลย คนใกล้ตัว คนที่คบกันมานาน คนที่ไว้ใจคนที่รักกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นถ้าเค้าจะไม่กลับมาพี่ก็ไม่ว่าอะไร แต่ถ้าเขากลับมามันก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับเขา เพราะคนเราถ้ารู้จักกตัญญูกตเวทีเจริญแน่นอน เพราะว่าการที่เขาเป็นหนี้เราก็คือวันนั้นเราเมตตาเขา
ถามว่าเสียดายไหมก็เสียดายแหละ แต่ ณ ตรงนี้เราก็ต้องทำความเข้าใจ และถ้าเรายังหมกมุ่นตรงนั้น ชีวิตเราไม่เดินหน้า เพราะฉะนั้นเราก็ตัดไปเลยเพื่อให้หัวใจมีความสุข และมองไปข้างหน้าว่าเรามีงานอะไร เรามีโอกาสจากผู้ใหญ่ใจดีเยอะแยะที่ให้งานเรา ส่วนลูกหนี้ที่หายไปก็คือหายไปเลย เราไม่รู้เลยว่าชีวิตของเขาสุขสบายอย่างไรบ้าง ก็หวังว่าจะให้เขาสุขสบายและได้นึกถึงเรา”