คำแนะนำถึงการรักตัวเองและอยู่คนเดียวให้ดี ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียด
คำแนะนำถึงการรักตัวเองและอยู่คนเดียวให้ดี ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียด
รายงานสุขภาพจิตคนไทยปี 2568 พบว่าคนไทย 13.4 ล้านคนเคยประสบปัญหาสุขภาพจิตหรือจิตเวช อัตราการฆ่าตัวตายในไทยสำเร็จสูงขึ้นในรอบ 10 ปี และเยาวชนอายุ 15-29 ปีเผชิญภาวะเครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย มีสาเหตุมาจากการเรียน สื่อสังคมออนไลน์ ความคาดหวังจากสังคม
และจากสถานการณ์ตึงเครียดของแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ข่าวเศร้า ข่าวการสูญเสียของประชาชนและทหาร ข่าวและภาพความโหดร้ายของการประทะ การใช้กำลัง ยิ่งทำให้คนไทยมีแนวโน้มจะสุขภาพจิตย่ำแย่ลงไปอีก
พอคนไทยจะกลับมาหาความสุขด้วยตัวเอง หลีกหนีจากความเป็นจริงอันโหดร้าย หลายคนอาจกระทำการที่ยิ่งทำให้ตัวเราเองแย่ลงไปเสียอีกจากกการ “การผูกติดความสุขไว้กับคนอื่น” หากเริ่มยึดโยงความรู้สึกไว้ที่คนอื่นเมื่อไหร่ เราจะกลายเป็น “น้ำนิ่งในอ่าง” ที่พร้อมปั่นป่วนเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมมากระตุ้น เมื่อมีหินก้อนใหญ่โยนลงมาในอ่างความรู้สึกของเรา
(ข่าวร้ายและสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ก็เป็นเหมือนหินก้อนใหญ่ที่โยนตูมลงมาในอ่างความรู้สึกของเราเช่นกัน)
เมื่อไหร่ก็ตามที่ปล่อยให้คนอื่นมาควบคุมอารมณ์ของเรา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ครอบครัว แฟน หัวหน้า เพื่อนร่วมงาน เราจะไม่มีทางมีความสุขได้อย่างแท้จริง ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ หากผูกความสุขไว้กับครอบครัว อยากให้ครอบครัวภูมิใจ วันไหนที่ครอบครัวผิดหวัง เราก็จะรู้สึกทุกข์เหมือนกำลังโดนโคลนดูดให้จมลงไปทั้งตัว ยากที่จะลุกขึ้น หรือหากเราคาดหวังให้คนอื่นรักเรามาก ๆ ทำดีกับเรา แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง เราก็จะจมลงไปในความรู้สึกที่ผิดหวัง เหมือนเชือกความสุขที่ผูกไว้กับคนอื่นมารัดตัวเราให้เจ็บ
บางทีก้าวแรกของคนไทยที่จะให้มีสุขภาพจิตดีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ประเทศตอนนี้อาจจะเริ่มได้หลายวิธี เช่น การเลือกเสพข่าวอย่างระมัดระวัง เลือกเสพข่าวแค่บางเวลา ออกไปทำอย่างอื่นบ้าง และนึกทบทวนถึงการรักตัวเองให้ดี
ยิ่งเครียดยิ่งต้อง “รักตัวเอง“
“การรักตัวเอง” เป็นคำตอบที่อาจจะฟังดูน่าเบื่อสำหรับใครหลายคน ”แต่ลองคิดดูนะ ถ้าคุณรักตัวเอง หัวใจของคุณจะแข็งแกร่ง จนจะไม่ปล่อยให้อะไรมาทำร้ายคุณได้“ อาจจะเป็นประโยคที่จำเจแต่กลับเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ แถมยังเป็นคำที่พุดง่ายแต่ทำยาก
แล้วเราจะเริ่มรักตัวเองได้อย่างไร เริ่มที่ตรงไหน ผู้เขียนก็เคยตั้งคำถามแบบนั้น เพราะการรักตัวเองมันไม่ง่ายซะเลย ตอนที่เริ่มเขียนบทความนี้ผู้เขียนนึกถึงประโยคในหนังสือ Bitter Blended เศษหนึ่งส่วนเศร้า ที่สะท้อนถึงการรักตัวเองที่ฟังดูง่ายพอทำจริงกลับยากว่า
“ฉันเป็นคนไม่ค่อยรักตัวเองเท่าไหร่โดยสันดาน
ฝนตกก็ไม่กางร่ม
รองเท้ากัดก็ยังฝืนเดินต่อ
ป่วยก็ไม่กินยา
ดื่มน้ำอัดลมช้าๆ รอคอยวันกัดกระเพาะ
รักตัวเองพูดง่าย แต่มันไม่ง่ายเลยนะคุณ“
นักจิตวิทยาของผู้เขียนเคยบอกไว้ว่าแค่คิดที่จะเริ่มรักตัวเอง ก็เป็นการรักตัวเองแล้วอีกอย่างหนึ่งแล้ว อาจจะเริ่มง่าย ๆ จากการทำงานอดิเรกที่ชอบ ลองทำอะไรใหม่ ๆ การการพยายามเริ่มรักตัวเองในทุก ๆ วัน จะนำไปสู่การรักตัวเองอย่างแท้จริงในที่สุด อาจจะยากในช่วงแรก แต่มันจะเป็นสิ่งที่คุ้มค่าแน่นอน
จุดสำคัญของการรักตัวเองคือ “การเป็นคนที่อยู่คนเดียวได้ดี”
การที่จะเป็นคนที่มีความสุขได้ด้วยตัวเอง คือการรักตัวเองและจุดสำคัญของการเริ่มมีความสุขได้ด้วยตัวเองคือการเป็นคนที่อยู่คนเดียวได้ดี ซึ่งไม่ได้หมายความว่าต้องตัดขาดจากทุกคนบนโลก แต่เป็นการหันกลับมาโฟกัสและเห็นคุณค่าในตัวเอง
อ้างอิงบทความของ BBC เรื่อง 'Humans need solitude': How being alone can make you happier มาแบ่งปันเป็น How to ให้ผู้อ่านเกี่ยวกับการอยู่คนเดียวอย่างไรให้ดี
McGraw แนะนำว่า “อย่าอยู่แค่บนเตียง สูบบุหรี่ไฟฟ้า แล้วก็สั่งอาหาร ควรใช้เวลาเหล่านี้ไปกับสิ่งที่เรารัก เช่น เดินเล่น วิ่ง นั่งคาเฟ่ ไปพิพิธภัณฑ์ หรือแม้กระทั่ง นอนแช่น้ำฟังเพลงของ Vivaldi หรือเรียนออนไลน์ก็ได้”
Slawson กล่าวว่า “อย่ารอให้มีแฟนหรือแต่งงานก่อนค่อยใช้ชีวิต อย่าอยู่ในห้องเพื่อรอให้ชีวิตเริ่มต้นขึ้นเอง” และหากเมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดแรงกดดันทางสังคม McGraw เสริมว่า “อย่าตกหลุมกับความคิดหรือบทสคริปต์เดิม ๆ เพราะชีวิตมี ‘ทางเลือก’ อื่น ”
Gannon ก็เห็นด้วยว่า “การอยู่คนเดียวทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และเกิดไอเดียในการแก้ไขปัญหา เหมือนการผจญภัย หรือโอกาสที่จะกลับมาเชื่อมต่อกับตัวเองอีกครั้ง ผ่านการเขียนไดอารี่ การซาบซึ้งกับการสัมผัสผ้าห่ม เสียงดนตรี หรือรสชาติของอาหาร”
สรุปแล้วการอยู่คนเดียวให้ดีอาจจะเริ่มจากการเลิกอยู่แค่บนที่นอนทั้งวัน ลองลุกออกไปทำงานอดิเรกอย่างการอ่านหนังสือเล่มใหม่ ๆ ดูหนังเรื่องใหม่ ๆ ออกไปสูดอากาศข้างนอกเพื่อที่จะได้ความรู้และประสบการณ์ที่แตกต่างจากเดิม อย่ารอให้ใครหรืออะไรมาเป็นเครื่องชี้วัดว่าเราควรเริ่มใช้ชีวิตตอนไหน ถ้ามัวแต่ผลัดวันประกันพรุ่ง สุดท้ายแล้วก็จะไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากจะเป็นการรักตัวเองแล้ว ยังเป็นช่วงเวลาที่ให้กำเนิดความคิดสร้างสรรค์อีกด้วย
หรือในสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ การอยู่คนเดียวให้ดีอาจหมายถึงการรู้ตัวว่าเราพร้อมจะรับข่าวมากน้อยแค่ไหน เราพร้อมจะรับรู้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนมากแค่ไหน เพื่อที่จะได้มีลิมิตให้หัวใจตัวเองได้พักบ้าง
ตอนนี้หน้าฟีดของคนไทยคงเต็มไปด้วยภาพและสถานการณ์ความรุนแรงที่เกืดขึ้น ซึ่งเรื่องเหล่านี้พร้อมจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตคนไทยทุกคนตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่คนที่เข้มแข็ง
สุขภาพจิตคนไทยน่าเป็นห่วงจากจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี หวังว่าผู้ป่วยทุกคนจะสามารถผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาได้ ผู้เขียนเข้าใจความรู้สึกที่เหมือนกำลังจมน้ำและไม่มีใครสามารถยื่นมือเข้ามาช่วยเป็นอย่างดี ถ้าคนรักตัวเองไม่เก่งอย่างผู้เขียนสามารถดีขึ้นได้ ทุกคนก็สามารถดีขึ้นได้เช่นกัน
“การป่วยเป็นโรคซึมเศร้าหรือโรคจิตเวชอื่น ๆ ก็เหมือนการเป็นไข้ ถ้าเราตัวร้อนก็ต้องกินยา ไม่ได้แตกต่างจากผู้ป่วยคนอื่นเลย ป่วยก็แค่ต้องรักษา”
หมอของผู้เขียนกล่าวไว้หลังจากที่ผู้เขียนต้องกลับไปทานยาอีกครั้ง เพราะการป่วยไม่ใช่เรื่องน่าอายหรือแปลก
การรักตัวเองอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายคน แต่ทุกครั้งที่เราฝึกที่จะรักตัวเอง ก็จะเป็นเหมือนการที่เราได้เริ่มสร้างภูมิคุ้มกันให้ด้วยการอยู่คนเดียวได้ดี เราก็จะสามารถมีความสุขด้วยตัวเองโดยไม่ผูกติดกับคนอื่น สุดท้ายแล้วเราก็จะรักตัวเองได้ในสักวันหนึ่ง
อ้างอิง
BBC
สสส
Marry D. Minor (2565), Bitter Blended เศษหนึ่งส่วนเศร้า.